เมนู

ท่านเจ้าข้า จีวรผืนนี้ของข้าพเจ้า อยู่ปราศจากแล้วล่วงราตรี เป็น
ของจำจะสละ เว้นแต่ภิกษุได้รับสมมติ ข้าพเจ้าสละจีวรผืนนี้แก่สงฆ์
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ
พึงคืนจีวรที่สละให้ด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงพึงข้าพเจ้า จีวรผืนนี้ของภิกษุมีชื่อนี้ เป็น
ของจำจะสละ เธอสละแล้วแก่สงฆ์ ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึง
ที่แล้ว สงฆ์พึงหญิงให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้.

เสียสละแก่คณะ


ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุหลายรูป ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษากว่า นั่งกระโหย่งเท้าประณมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า
ท่านเจ้าข้า จีวรผืนนี้ของข้าพเจ้า อยู่ปราศจากแล้วล่วงราตรี
เป็นของจำจะสละ เว้นแต่ภิกษุได้รับสมมติ ข้าพเจ้าสละจีวรผืนนี้
แก่ท่านทั้งหลาย
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด ผู้สามารถ พึงรับอาบัติ
พึงคืนจีวรที่เสียสละให้ด้วยญัตติกรรมวาจา ว่าดังนี้:-
ท่านทั้งหลาย ขอจงฟังข้าพเจ้า จีวรผืนนี้ของภิกษุมีชื่อนี้ เป็น
ของจำจะสละ เธอสละแล้วแก่ท่านทั้งหลาย ถ้าความพร้อมพรั่งของ
ท่านทั้งหลายถึงที่แล้ว ท่านทั้งหลายพึงให้จีวรผืนนี้แก่ภิกษุมีชื่อนี้.

เสียสละแก่บุคคล


ภิกษุรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุรูปหนึ่ง ห่มผ้าอุตราสงค์เฉวียงบ่า
นั่งกระโหย่งเท้าประณมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า

ท่าน จีวรผืนนี้ของข้าพเจ้า อยู่ปราศแล้วล่วงราตรี เป็นของ
จำจะสละ เว้นแต่ภิกษุได้รับสมมติ ข้าพเจ้าสละจีวรผืนนี้แก่ท่าน
ครั้นสละแล้วพึงแสดงอาบัติ ภิกษุผู้รับเสียสละนั้น พึงรับอาบัติ
พึงคืนจีวรที่เสียสละให้ด้วยคำว่า ข้าพเจ้าให้จีวรผืนนี้แก่ท่าน ดังนี้.

บทภาชนีย์


มาติกา


[13] บ้าน มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
เรือน มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
โรงเก็บของ มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
ป้อม มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
เรือนยอดเดียว มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
ปราสาท มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
ทิมแถว มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
เรือ มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
หมู่เกวียน มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
ไร่นา มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
ลานนวดข้าว มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
สวน มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
วิหาร มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
โคนไม้ มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง
ที่แจ้ง มีอุปจารเดียว มีอุปจารต่าง