เมนู

กล่าวคุณ แห่งการบำเรอตนด้วยกามในสำนักมาตุคามเล่า แล้วกราบทูล
เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

ประชุมสงฆ์ทรงบัญญัติสิกขาบท


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า รับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ใน
เพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถาม
ท่านพระอุทายีว่า ดูก่อนอุทายี ข่าวว่า เธอกล่าวคุณแห่งการบำเรอตน
บำเรอด้วยกาม ในสำนักมาตุคามจริงหรือ

ท่านพระอุทายีทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การ
กระทำของเธอนั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของ
สมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนเธอจงได้กล่าว คุณแห่งการ
บำเรอตนด้วยกาม ในสำนักมาตุคามเล่า
ดูก่อนโมฆบุรุษ ธรรมอันเราแสดงแล้วโดยอเนกปริยาย
เพื่อคลายความกำหนัด ไม่ใช่เพื่อความกำหนัด เพื่อความ
พราก ไม่ใช่เพื่อความประกอบ เพื่อความไม่ถือมั่น ไม่ใช่
เพื่อความถือมั่น มิใช่หรือ เมื่อธรรมชื่อนั้น อันเราแสดง
แล้ว เพื่อคลายความกำหนัด เธอยังจักคิดเพื่อมีความกำหนัด
เราแสดงเพื่อความพราก เธอยังจักคิดเพื่อความประกอบ เรา
แสดงเพื่อความไม่ถือมั่น เธอยังจักคิดเพื่อมีความถือมั่น
ดูก่อนโมฆบุรุษ ธรรมอันเราแสดงเเล้วโดยอเนกปริยาย
เพื่อเป็นที่สำรอกแห่งราคะ เพื่อเป็นที่สร่างแห่งความเมา
เพื่อเป็นที่ดับสูญแห่งความกระหาย เพื่อเป็นที่หลุดถอนแห่ง

อาลัย เพื่อเป็นที่เข้าไปตัดแห่งวัฏฏะ เพื่อเป็นที่สิ้นแห่งตัณหา
เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับทุกข์ เพื่อปราศจาก
ตัณหาเครื่องร้อยรัดมิใช่หรือ
ดูก่อนโมฆบุรุษ การละกาม การกำหนดรู้ความหมาย
ในกาม การกำจัดความกระหายในกาม การเพิกถอนความตรึก
อันเกี่ยวด้วยกาม การระงับความกลัดกลุ้มเพราะกาม เรา
บอกไว้แล้วโดยอเนกปริยาย มิใช่หรือ
ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อ
ความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อม-
ใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของเธอ-
นั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนท่านพระอุทายีโดยอเนกปริยาย
ดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคน
บำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ
ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยง
ง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ
ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม
การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย แล้วทรงกระทำ
ธรรมมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่
ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติ

สิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ 10 ประการ
คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ 1 เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ 1
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก เพื่อยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็น
ที่รัก 1 เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน เพื่อ
กำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต 1 เพื่อความเลื่อมใสของ
ชุนชนที่ยังไม่เลื่อมใส เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่
เลื่อมใสแล้ว 1 เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม 1 เพื่อ
ถือตามพระวินัย 1
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้น
แสดงอย่างนั้น ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


8. 4. อนึ่ง ภิกษุใด กำหนัดแล้ว มีจิตแปรปรวนแล้ว
กล่าวคุณแห่งการบำเรอกามของตนในสำนักมาตุคาม ด้วย
ถ้อยคำพาดพิงเมถุนว่า น้องหญิง สตรีใด บำเรอผู้ประพฤติ
พรหมจรรย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม เช่นเรา ด้วยธรรมนั่น
นั่นเป็นยอดแห่งความบำเรอทั้งหลาย เป็นสังฆาทิเสส

เรื่องพระอุทายี จบ

สิกขาบทวิภังค์


[415] บทว่า อนึ่ง. . .ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด มี
การงานอย่างใด มีชาติอย่างใด มีชื่ออย่างใด มีโคตรอย่างใด มีปกติ