เมนู

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง
อย่างนี้ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ


6. 2. อนึ่ง ภิกษุใดกำหนัดแล้ว มีจิตแปรปรวนแล้ว ถึง
ความเคล้าคลึงด้วยกายกับมาตุคาม คือจับมือก็ตาม จับช้องผมก็ตาม
ลูบคลำอวัยวะอันใดอันหนึ่งก็ตาม เป็นสังฆาทิเสส.
เรื่องพระอุทายี จบ

สิกขาบทวิภังค์


[376] บทว่า อนึ่ง . . . ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด มีการ
งานอย่างใด มีชาติอย่างใด มีชื่ออย่างใด มีโคตรอย่างใด มีปกติ
อย่างใด มีธรรมเครื่องอยู่อย่างใด มีอารมณ์อย่างใด เป็นเถระก็ตาม
เป็นนวกะก็ตาม เป็นมัชฌิมะก็ตาม ผู้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
อนึ่ง. . .ใด.
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้ขอ
ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า ประพฤติภิกขาจริยวัตร ชื่อว่า ภิกษุ
เพราะอรรถว่า ทรงผืนผ้าที่ถูกทำลายแล้ว ชื่อว่า ภิกษุ โดยสมญา
ชื่อว่า ภิกษุ โดยปฏิญญา ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นเอหิภิกษุ
ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็น ผู้อุปสมบทแล้วด้วยไตรสรณคมน์ ชื่อว่า
ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้เจริญ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า มีสาร-

ธรรม ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นพระเสขะ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะ
อรรถว่า เป็นพระอเสขะ ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่า เป็นผู้อันสงฆ์
พร้อมเพรียงกันอุปสมบทให้แล้วด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบ ควร
แก่ฐานะ บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุนี้ใด ที่สงฆ์พร้อมเพรียงกันอุปสมบท
ให้แล้วด้วยญัตติจตุตถกรรม อันไม่กำเริบควรแก่ฐานะ ภิกษุนี้ พระผู้มี-
พระภาคเจ้าทรงประสงค์ว่า ภิกษุ ในอรรถนี้.
ที่ชื่อว่า กำหนัดแล้ว คือ มีความยินดี มีความเพ่งเล็ง มีจิตปฏิพัทธ์.
บทว่า แปรปรวนแล้ว ความว่า จิตที่ถูกราคะย้อมแล้ว ก็แปรปรวน
ทิ่ถูกโทสะประทุษร้ายแล้วก็แปรปรวน ทิ่ถูกโมหะให้ลุ่มหลงแล้วก็แปร-
ปรวน แต่ที่ว่าแปรปรวนโนอรรถนี้ ทรงประสงค์จิตทื่ถูกราคะย้อมแล้ว.
ที่ชื่อว่า มาตุคาม ไค้แก่ หญิงมนุษย์ ไม่ใช่หญิงยักษ์ ไม่ใช่หญิง
เปรต ไม่ใช่สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย โดยที่สุด แม้เด็กหญิงที่เกิดในวันนั้น
ไม่ต้องพูดถึงหญิงผู้ใหญ่.
บทว่า กับ คือ ด้วยกัน.
คำว่า ถึงความเคล้าคลึงด้วยกาย คือ ที่เรียกกันว่าความประพฤติ
ล่วงเกิน.
ทื่ชื่อว่า มือ คือ หมายตั้งแต่ข้อศอกถึงปลายเล็บ.
ทื่ชื่อว่า ช้องผม คือ เป็นผมล้วนก็มี แซมด้วยด้ายก็มี แซมด้วย
ดอกไม้ก็ แซมด้วยเงินก็มี แซมด้วยทองก็มี แซมด้วยแก้วมุกดาก็มี
แซมด้วยแก้วมณีก็มี.
ที่ชื่อว่า อวัยวะ คือ เว้นมือและช้องผมเสีย นอกนั้นชื่อว่าอวัยวะ.

[377] ที่ชื่อว่า ลูบคลำ คือ ถูก คลำ ลูบลง ลูบขึ้น ทับ
อุ้ม ฉุด ผลัก กด บีบ จับ ต้อง.
[378] ที่ชื่อว่า ถูก คือ เพียงถูกต้อง ที่ชื่อว่า คลำ คือ จับ
เบา ๆ ไปข้างโน้นข้างนี้ ที่ชื่อว่า ลูบลง คือ ลูบลงเบื้องล่าง ที่ชื่อว่า
ลูบขึ้น คือ ลูบขึ้นเบื้องบน ที่ชื่อว่า ทับ คือ กดลงข้างล่าง ที่ชื่อว่า อุ้ม
คือ ยกขึ้นข้างบน ที่ชื่อว่า ฉุด คือ รั้งมา ที่ชื่อว่า ผลัก คือ ผลักไป
ที่ชื่อว่า กด คือ จับอวัยวะกดลง ที่ชื่อว่า บีบ คือ บีบกับวัตถุบางอย่าง
ที่ชื่อว่า จับ คือ จับเฉย ๆ ที่ชื่อว่า ต้อง คือ เพียงต้องตัว.
[379] บทว่า สังฆาทิสส ความว่า สงฆ์เท่านั้นให้ปริวาส
เพื่ออาบัตินั้นได้ ซักเข้าอาบัติเดิมได้ ให้มานัตได้ เรียกเข้าหมู่ได้ ไม่ใช่
คณะมากรูปด้วยกัน ไม่ใช่บุคคลรูปเดียว เพราะฉะนั้น จึงตรัสเรียกว่า
สังฆาทิเสส คำว่า สังฆาทิเสส เป็นการขนานนาม คือเป็นชื่อของ
อาบัตินิกายนั้นแล แม้เพราะเหตุนั้น จึงตรัสเรียกว่า สังฆาทิเสส.

บทภาชนีย์


ภิกษุเปยยาล สตรี-กายต่อกาย


[380] สตรีหนึ่ง ภิกษุมีความสำคัญว่าเป็นสตรี มีความกำหนัด
และถูก คลำ ลูบลง ลูบขึ้น ทับ อุ้ม ฉุด ผลัก กด บีบ จับ ต้อง
ซึ่งกายนั้นของสตรี ด้วยกาย ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
สตรีหนึ่ง ภิกษุมีความสงสัย มีความกำหนัด และถูก คลำ ลูบลง
ลูบขึ้น ทับ อุ้ม ฉุด ผลัก กด บีบ จับ ต้อง ซึ่งกายนั้นของสตรี
ด้วยกาย ต้องอาบัติถุลลัจจัย