เมนู

ปิ. ขอถวายพระพร คนทำการวัด พระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่ทรง
อนุญาต
พิ. ถ้าเช่นนั้น โปรดทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วบอกให้
ข้าพเจ้าทราบ
ท่านพระปิลินทวัจฉะทูลสนองพระบรมราชโองการว่า ได้ ขอถวาย
พระพร แล้วชี้แจงให้พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ ทรงสมาทาน
อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว
ลำดับนั้นแล พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ อันท่านพระ-
ปิลินทวัจฉะชี้แจงให้ทรงสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว
เสด็จลุกจากพระราชอาสน์ ทรงอภิวาที่ท่านพระปิลินทวัจฉะ ทรงทำ
ประทักษิณแล้วเสด็จกลับ
หลังจากนั้น ท่านพระปิลินทวัจฉะส่งสมณทูตไปในสำนักพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้ากราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า พระเจ้าพิมพิสาร จอม
พลมคธรัฐ มีพระราชประสงค์จะทรงถวายคนทำการวัด ข้าพระพุทธเจ้า
จะพึงปฏิบัติอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า

ทรงอนุญาตให้มีคนทำการวัด


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะ
เหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น ทรงกระทำธรรมีกถา
แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้มีคน
ทำการวัด
พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ เสด็จเข้าไปหาท่านพระปิลินทวัจ-
ฉะ ถึงสำนักเป็นคำรบสอง ทรงอภิวาทแล้ว ประทับนั่งเหนือพระอาสน์อัน

ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วตรัสถามท่านพระปิลินทวัจฉะว่า ข้าแต่พระคุณเจ้า
คนทำการวัด พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอนุญาตแล้วหรือ
ท่านพระปิลินทวัจฉะถวายพระพรว่า ขอถวายพระพร ทรงอนุญาต
แล้ว
พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ ทรงรับปฏิญาณถวายคนทำการวัด
แก่ท่านพระปิลินทวัจฉะว่า ถ้าเช่นนั้น ข้าพเจ้าจักถวายคนทำการวัดแก่
พระคุณเจ้าดังนี้แล้วทรงลืมเสีย ต่อนานมาทรงระลึกได้ จึงตรัสถาม
มหาอำมาตย์ผู้สำเร็จราชกิจทั้งปวงผู้หนึ่งว่า พนาย คนทำการวัดที่เราได้
รับปฏิญาณจะถวายแก่พระคุณเจ้านั้น เราได้ถวายไปแล้วหรือ
มหาอำมาตย์กราบทูลว่า ขอเดชะ ยังไม่ได้พระราชทาน พระ-
พุทธเจ้าข้า
พระราชาตรัสถามว่า จากวันนั้นมา นานกี่ราตรีแล้ว พนาย
ท่านมหาอำมาตย์นับราตรีแล้วกราบทูลในทันใดนั้นแลว่า ขอเดชะ
500 ราตรี พระพุทธเจ้าข้า
พระราชารับสั่งว่า พนาย ถ้าเช่นนั้นจงถวายท่านไป 500 คน.
ท่านมหาอำมาตย์รับสนองพระบรมราชโองการว่า พระพุทธเจ้าข้า
แล้วได้จัดคนทำการวัดไปถวายพระปิลินทวัจฉะ 500 คน หมู่บ้านของ
คนทำการวัดพวกนั้น ได้ตั้งอยู่แผนกหนึ่ง คนทั้งหลายเรียกตำบลบ้าน
นั้นว่า ตำบลบ้านอารามิกบ้าง ตำบลบ้านปิลินทวัจฉะบ้าง.
[139] ก็โดยสมัยนั้นแล ท่านพระปิลินทวัจฉะ ได้เป็นพระกุลุปกะ
ในหมู่บ้านตำบลนั้น ครั้นเช้าวันหนึ่ง ท่านครองอันตรวาสกแล้ว ถือบาตร
จีวรเข้าไปบิณฑบาตยังตำบลบ้านปิลินทวัจฉะ สมัยนั้น ในตำบลบ้านนั้น

มีมหรสพ พวกเด็ก ๆ ตกแต่งกายประดับดอกไม้ เล่นมหรสพอยู่ พอดี
ท่านพระปิลินทวัจฉะเที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับตรอกปิลินทวัจฉะ ได้
เข้าไปถึงเรือนคนทำการวัดผู้หนึ่ง ครั้นแล้วนั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย
ขณะนั้น ธิดาของสตรีผู้ทำการวัดนั้น เห็นเด็ก ๆ พวกอื่นตกแต่ง
กายประดับดอกไม้แล้วร้องอ้อนว่า จงให้ดอกไม้แก่ข้าพเจ้า จงให้
เครื่องตกแต่งกายแก่ข้าพเจ้า
ท่านพระปิลินทวัจฉะจึงถามสตรีผู้ทำการวัดคนนั้นว่า เด็กหญิงคนนี้
ร้องอ้อนอยากได้อะไร
นางกราบเรียนว่า ท่านเจ้าข้า เด็กหญิงคนนี้เห็นเด็ก ๆ พวกอื่น
ตกแต่งกายประดับดอกไม้ จึงร้องอ้อนขอว่า จงให้ดอกไม้แก่ข้าพเจ้า
จงให้เครื่องตกเเต่งกายแก่ข้าพเจ้า ดิฉันบอกว่า เราเป็นคนจน จะได้
ดอกไม้มาจากไหน จะได้เครื่องแต่งกายมาจากไหน
ขณะนั้น ท่านพระปิลินทวัจฉะ หยิบหมวกฟางใบหนึ่งส่งให้แล้ว
กล่าวว่า เจ้าจงสวมหนวกฟางนี้ลงที่ศีรษะเด็กหญิงนั้น ทันใดนางได้รับ
หมวกฟางนั้นสวมลงที่ศีรษะเด็กหญิงนั้น หมวกฟางนั้นได้กลายเป็น
ระเบียบดอกไม้ทองคำ งดงามน่าดูน่าชม ระเบียบดอกไม้ทองคำเช่นนั้น
แม้ในพระราชสถานก็ไม่มี
ชาวบ้านกราบทูลแด่พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐว่า ขอเดชะ
ระเบียบดอกไม้ทองคำที่เรือนของคนทำการวัดชื่อโน้น งดงาม น่าดู น่าชม
แม้ในพระราชสถานก็ไม่มี เขาเป็นคนเข็ญใจจะได้มาแต่ไหน เป็นต้อง
ได้มาด้วยโจรกรรมเป็นแน่นอน
ท้าวเธอจึงรับสั่งให้จองจำตระกูลคนทำการวัดนั้น

ครั้นเช้าวันที่ 2 ท่านพระปิลินทวัจฉะครองอันตรวาสกแล้ว ถือ
บาตรจีวรเข้าไปบิณฑบาตถึงตำบลบ้านปิลินทวัจฉะ เมื่อเที่ยวบิณฑบาต
ไปตามลำดับตรอกในบ้านปิลินทวัจฉะ ได้เดินผ่านไปทางเรือนคนทำการ
วัดผู้นั้น ครั้นแล้วได้ถามคนที่เขาดุ้นกันว่า ตระกูลคนทำการวัดนี้ไป
ไหนเสีย
คนพวกนั้นกราบเรียนว่า เขาถูกจองจำเพราะเรื่องระเบียบดอกไม้
ทองคำนั้น เจ้าข้า
ทันใดนั้นแล ท่านพระปิลินทวัจฉะได้เข้าไปสู่พระราชนิเวศน์นั่ง
เหนืออาสนะที่เขาจัดถวาย
ขณะนั้น พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ เสด็จเข้าไปหาท่าน
พระปิลินทวัจฉะ ทรงอภิวาทแล้ว ประทับนั่งเหนือพระราชอาสน์ อัน
ควรส่วนข้างหนึ่ง
ท่านพระปิลินทวัจฉะได้ทูลถามพระเจ้าพิมพิสาร จอนพลมคธรัฐ
ผู้ประทับนั่งเรียบร้อยแล้วดังนี้ว่า ขอถวายพระพร ตระกูลคนทำการวัด
ถูกรับสั่งให้จองจำด้วยเรื่องอะไร
พระเจ้าพิมพิสารตรัสว่า ข้าแด่พระคุณเจ้า เพราะที่เรือนของเขา
มีระเบียบดอกไม้ทองคำอย่างงดงาม น่าดู น่าชม แม้ที่ในวังก็ยังไม่มี
เขาเป็นคนจนจะได้มาแต่ไหน เป็นต้องได้มาด้วยโจรกรรมเป็นแน่นอน
ขณะนั้นแล ท่านพระปิลินทวัจฉะได้อธิษฐานปราสาทของพระเจ้า
พิมพิสาร จอมพลมคธรัฐว่า จงเป็นทอง ปราสาทนั้นได้กลายเป็นทอง
ไปทั้งหมดแล้วได้ถวายพระพรทูลถามว่า ขอถวายพระพร ก็นี่ทองมากมาย
เท่านั้น มหาบพิตรได้มาแต่ไหน

ข้าพเจ้าทราบแล้ว นี้เป็นอิทธานุภาพของพระคุณเจ้า พระเจ้า
พิมพิสารตรัสดังนี้แล้ว รับสั่งให้ปล่อยตระกูลคนทำวัดนั้นพ้นพระราช-
อาญา.
[140] ชาวบ้านทราบข่าวว่า ท่านพระปิลินทวัจฉะแสดงอิทธิ-
ปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นธรรนอันยิ่งของมนุษย์ในบริษัทพร้อมทั้งพระราชา ต่าง
พากันยินดีเลื่อมใสโดยยิ่ง แล้วได้นำเภสัชห้า คือเนยใส เนยขึ้น น้ำมัน
น้ำผึ้ง น้ำอ้อย มาถวายท่านพระปิลินทวัจฉะ แม้ตามปกติท่านก็ได้เภสัช
ห้าอยู่เสมอ ท่านจึงแบ่งเภสัชที่ใด ๆ มาถวายบริษัท แต่บริษัทของท่าน
เป็นผู้มักมาก เก็บเภสัชที่ใด ๆ มาไว้ในกระถางบ้าง ในหม้อน้ำบ้าง
จนเต็ม แล้วบรรจุลงในหม้อกรองน้ำบ้าง ในถุงย่ามบ้าง แขวนไว้
ที่หน้าต่าง เภสัชเหล่านั้นก็เยิ้มซึม แม้จำพวกหนูก็เกลื่อนกล่นไปทั่ววิหาร
ชาวบ้านที่เดินเที่ยวชมไปตามวิหารพบเข้า ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนา
ว่า พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้ มีเรือนคลังในภายในเหมือน
พระเจ้าพิมพิสาร จอมพลมคธรัฐ
ภิกษุทั้งหลายได้ยินชาวบ้านเหล่านั้นเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาอยู่
บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย สันโดษ มีความละอาย มีความรังเกียจ ผู้ใคร่
ต่อสิกขา ต่างก็เพ่งโทษติเตียนโพนทะนาว่า ไฉนภิกษุทั้งหลายจึงพอใจ
ในความมักมากเช่นนี้เล่า แล้วกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม


ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะ
เหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุ