เมนู

ของพราหมณ์. พราหมณ์พอเห็นพระเถระ ก็พูดอย่างนี้ว่า วานนี้ ท่านไม่ได้
อะไร ๆ ในเรือนของกระผมเลย ก็บอกว่า ได้ การกล่าวเท็จควรแก่ท่าน
หรือหนอ ?
พระเถระ พูดว่า พราหมณ์ ! ในเรือนของท่าน ข้าพเจ้าไม่ได้แม้
เพียงคำพูดว่า นิมนต์โปรดข้างหน้าเถิด ดังนี้ ถึง 7 ปี วานนี้ได้เพียงคำพูด
ว่า นิมนต์โปรดข้างหน้าเถิด เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าจึงได้พูดอย่างนี้ หมาย
เอาการปฏิสันถารนั่น.

[โมคคลีพราหมณ์เลื่อมใสในพระเถระ]


ฝ่ายพราหมณ์คิดว่า สมณะเหล่านี้ ได้แม้เพียงการปฏิสันถารก็ยัง
สรรเสริญว่า ได้ (ถ้า) ได้ของที่ควรเคี้ยว ควรบริโภคอะไรอย่างอื่นแล้ว
ทำไมจักไม่สรรเสริญเล่า. พราหมณ์เลื่อมใสอย่างนี้แล้ว จึงสั่งให้ถวายภิกษา
ทัพพีหนึ่ง และกับข้าวที่ควรแก่ภิกษานั้นจากภัตที่เขาจัดไว้เพื่อตน แล้วเรียนว่า
ท่านจักได้ภิกษาชนิดนี้ทุก ๆ เวลา ดังนี้. จำเดิมแต่วันรุ่งขึ้น พราหมณ์นั้น
ได้เห็นความสงบเรียบร้อยของพระเถระผู้เข้าไปอยู่ ก็ยิ่งเลื่อมใสขึ้น แล้วขอร้อง
พระเถระเพื่อต้องการให้ทำภัตกิจในเรือนของตน ตลอดกาลเป็นนิตย์. พระเถระ
รับนิมนต์แล้ว ก็ได้ทำภัตกิจทุกวัน ๆ เมื่อจะกลับ ก็ได้แสดงพระพุทธพจน์
บ้างเล็กน้อย จึงกลับไป.

[พระสิคควเถระเริ่มสนทนาปราศรัยกับติสสมานพ]


มานพแม้นั้นแล มีอายุได้ 16 ปีเท่านั้น ก็ได้ถึงฝั่งแห่งไตรเพท.
คนอื่นใคร ๆ จะนั่งหรือนอนบนอาสนะหรือที่นอนของสัตว์ผู้บริสุทธิ์ซึ่งมาจาก
พรหมโลก ย่อมไม่ได้. เวลาใด ติสสมานพนั้นไปเรือนของอาจารย์, เวลานั้น



พวกคนใช้ ก็เอาผ้าขาวคลุมเตียงและตั่งของเขาห้อยไว้. พระเถระดำริว่า บัดนี้
เป็นกาลที่จะให้มานพบวชได้ และเราก็มาที่นี้นานแล้ว, ทั้งการพูดจาอะไร ๆ
กับมานพก็มิได้เกิดขึ้น, เอาเถิด บัดนี้การพูด (กับมานพนั้น) จักเกิดขึ้นได้
เพราะอาศัยบัลลังก์ (ของเขา) ด้วยอุบายอย่างนี้. ท่านจึงไปเรือน (ของมานพ
นั้น) แล้วอธิษฐานให้อาสนะอะไร ๆ อย่างอื่นในเรือนนั้นไม่ปรากฏ ยกเว้น
แต่บัลลังก์ของมานพ. คนในเรือนของพราหมณ์เห็นพระเถระแล้ว เมื่อไม่เห็น
ที่นั่งอะไร ๆ อย่างอื่น ก็ได้ปูลาดบัลลังก์ก็ของมานพ ถวายพระเถระ. พระเถระ
ก็นั่งบนบัลลังก์. ฝ่ายมานพแลก็กลับมาจากเรือนของอาจารย์ ในขณะนั้น
นั่นเอง เห็นพระเถระนั่งอยู่บนบัลลังก์ของตน ก็โกรธ เสียใจ จึงพูดว่า
ใครให้ปูบัลลังก์ของข้าพเจ้าแก่สมณะ ? พระเถระทำภัตกิจเสร็จแล้ว เมื่อ
มานพมีความดุร้ายสงบลงแล้ว จึงได้พูดอย่างนี้ว่า ดูก่อนมานพ ก็ท่านรู้มนต์
อะไร ๆ บ้างหรือ ?
มานพเรียนว่า ข้าแต่บรรพชิตผู้เจริญ ! ในเวลานี้ เมื่อกระผมไม่
รู้มนต์, คนอื่นใครเล่าจึงจะรู้ได้ ดังนี้แล้ว ก็ (ย้อน) ถามพระเถระว่า ก็
ท่านเล่า รู้มนต์หรือ ?
พระเถระ พูดว่า จงถามเถิด มานพ ท่านถามแล้ว อาจจะรู้ได้.

[ติสสมานพถามปัญหากับพระเถระ]


ครั้งนั้นแล มานพได้ถามพระเถระในข้อนี้ที่เป็นปม (ลี้ลับซับซ้อน)
ซึ่งมีอยู่ในพระไตรเพทพร้อมทั้งนิฆัณฑุศาสตร์ 1 เกฏภศาสตร์ 2 พร้อมทั้งอักษร
1. นิฆัณฑุศาสตร์ ว่าด้วยชื่อสิ่งของต้นไม้เป็นต้น. 2. เกฏภศาสตร์ ว่าด้วยกิริยาเป็นประโยชน์
แก่กวี.