เมนู

ภิกษุบอกคืนสิกขา โดยกล่าวพลาด สิกขา ย่อมไม่เป็นอันบอกคืน
ภิกษุไม่ประสงค์จะประกาศ แต่เปล่งเสียงให้ได้ยิน สิกขา ย่อมไม่เป็น
อันบอกคืน
ภิกษุประสงค์ประกาศ แต่ไม่เปล่งเสียงให้ได้ยิน สิกขา ย่อมไม่เป็น
อันบอกคืน
ภิกษุประกาศแก่ผู้ไม่เข้าใจความ สิกขา ย่อมไม่เป็นอันบอกคืน
ภิกษุไม่ประกาศแก่ผู้เข้าใจความ สิกขา ย่อมไม่เป็นอันบอกคืน
ก็หรือภิกษุไม่ประกาศโดยประการทั้งปวง สิกขา ย่อมไม่เป็นอัน
บอกคืน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิกขา ย่อมไม่เป็นอันบอกคืนด้วยเหตุอย่างนี้แล.

สิกขาบทวิภังค์


[33] ที่ชื่อว่า เมถุนธรรม มีอธิบายว่า ธรรมของอสัตบุรุษ
ประเพณีของชาวบ้าน มรรยาทของคนชั้นต่ำ ธรรมอันชั่วหยาบ ธรรมอันมี
น้ำเป็นที่สุด กิจที่ควรซ่อนเร้น ธรรมอันคนเป็นคู่ ๆ พึงประพฤติร่วมกัน
นี้ชื่อว่า เมถุนธรรม.
[34] ที่ชื่อว่า เสพ ความว่า ภิกษุใดสอดนิมิตเข้าไปทางนิมิต
สอดองค์กำเนิดเข้าไปทางองค์กำเนิด โดยที่สุดแม้ชั่วเมล็ดงา ภิกษุนั้นชื่อว่า
เสพ
[35] คำว่า โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ความว่า
ภิกษุเสพเมถุนธรรม แม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย ย่อมไม่เป็นสมณะ ไม่เป็น
เชื้อสายศากยบุตร จะกล่าวไยในหญิงมนุษย์ เพราะฉะนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงตรัสว่า โดยที่สุดแม้ในสัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย.

[36] คำว่า เป็นปาราชิก ความว่า บุรุษถูกตัดศีรษะแล้ว ไม่อาจ
มีสรีระคุมกันนั้นเป็นอยู่ ชื่อแม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน เสพเมถุนธรรม
แล้วย่อมไม่เป็นสมณะ ไม่เป็นเชื้อสายพระศากยบุตร เพราะเหตุนั้นจึงตรัสว่า
เป็นปาราชิก.
[37] บทว่า หาสังวาสมิได้ ความว่า ที่ชื่อว่า สังวาส ได้แก่
กรรมที่พึงทำร่วมกัน อุเทศที่พึงสวดร่วมกัน ความเป็นผู้มีสิกขาเสมอกัน
นี้ชื่อว่า สังวาส สังวาสนั้นไม่มีร่วมกับภิกษุนั้น เพราะเหตุนั้นจึงตรัสว่า
หาสังวาสมิได้.

บทภาชนีย์ มรรคภาณวาร


[38] หญิง 3 จำพวก คือ มนุษย์ผู้หญิง 1 อมนุษย์ผู้หญิง 1
สัตว์ดิรัจฉานตัวเมีย 1
อุภโตพยัญชนก 3 จำพวก คือ มนุษย์อุภโตพยัญชนก 1 อมนุษย์
อุภโตพยัญชนก 1 สัตว์ดิรัจฉานอุภโตพยัญชนก 1
บัณเฑาะก์ 3 จำพวก คือ มนุษย์บัณเฑาะก์ 1 อมนุษย์บัณเฑาะก์ 1
สัตว์ดิรัจฉานบัณเฑาะก์ 1
ชาย 3 จำพวก คือ มนุษย์ผู้ชาย 1 อมนุษย์ผู้ชาย 1 สัตว์ดิรัจฉาน
ตัวผู้ 1

หญิง 3 จำพวก มีมรรคพวกละ 3 เป็น 9


1. ภิกษุเสพเมถุนธรรมในมรรค 3 คือ วัจจวรรค ปัสสาวมรรค
มุขมรรค ของมนุษย์ผู้หญิง ต้องอาบัติปาราชิก.