เมนู

หลายบทว่า นาปรํ อิตฺถตฺตาย ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้
ทรงรู้แล้วว่า บัดนี้ กิจคือการอบรมด้วยมรรค เพื่อความเป็นอย่างนี้อีก คือ
เพื่อความเจริญแห่งโสฬสกิจ หรือเพื่อความสิ้นไปแห่งกิเลสอย่างนี้ ของเรา
ย่อมไม่มี.
บัดนี้ พระองค์เมื่อจะทรงแสดงการบรรลุญาณ อันเป็นเหตุสิ้นไป
แห่งอาสวะทั้งหลายนั้น อันปัจจเวกขณญาณประคองแล้วอย่างนั้นแก่พราหมณ์
จึงตรัสพระดำรัสว่า อยํ โย เม พฺราหฺมณ ดังนี้เป็นต้น.
ในบทเหล่านั้น ความรู้อันสัมปยุตด้วยอรหัตมรรคญาณ ชื่อว่า
วิชชา ความไม่รู้อันปกปิดสัจจะ 4 ชื่อว่า อวิชชา. คำที่เหลือมีนัยดังกล่าว
แล้วนั้นแล.

[พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเกิดก่อนใครทั้งหมดด้วยคุณธรรม]


ส่วนความแปลกกัน มีดังต่อไปนี้ :-
ในคำว่า อยํ โข เม พฺราหฺมณ ตติยา อภินิพฺพิทา อโหสิ นี้
มีอธิบายว่า ดูก่อนพราหมณ์ ! ความชำแรกครั้งที่ 3 คือ ความออกครั้งที่ 3
ได้แก่ความเกิดเป็นอริยะครั้งที่ 2 นี้แล ได้มีแล้วแก่เรา เพราะได้ทำลาย
กระเปาะฟองคืออวิชชา อันปกปิดสัจจะ 4 ด้วยจะงอยปากคืออาสวักขยญาณ
ดุจความชำแรกออก คือความออกไป ได้แก่ความเกิดในภายหลังในหมู่ไก่
จากกระเปาะฟองไข่นั้นแห่งลูกไก่ เพราะได้ทำลายกระเปาะฟองไข่ ด้วย
จะงอยปาก หรือด้วยปลายเล็บเท้าฉะนั้น.
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงพระสงค์อะไรไว้ ด้วย
พระดำรัสมีประมาณเท่านี้ ?