เมนู

พระอภิธรรมปิฎก
เล่ม 2
วิภังคปกรณ์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
1. ขันธวิภังค์
สุตตันตภาชนีย์
[1] ขันธ์ 5 คือ
1. รูปขันธ์
2. เวทนาขันธ์
3. สัญญาขันธ์
4. สังขารขันธ์
5. วิญญาณขันธ์
รูปขันธ์
[2] ในขันธ์ 5 นั้น รูปขันธ์ เป็นไฉน
รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ รูปอดีต รูปอนาคต รูปปัจจุบัน รูปภายใน
รูปภายนอก รูปหยาบ รูปละเอียด รูปทราม รูปประณีตรูปไกล รูปใกล้
ประมวลย่อเข้าเป็นกองเดียวกัน นี้เรียกว่ารูปขันธ์
[3] ในรูปขันธ์นั้น รูปอดีต เป็นไฉน
รูปใด ล่วงไปแล้ว ดับแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว ถึงความดับแล้ว ถึงความ
ดับสิ้นแล้ว ที่เกิดขึ้นแล้วปราศไปแล้ว ที่เป็นอดีตสงเคราะห์เข้ากับส่วนอดีต ได้แก่
มหาภูตรูป 4 และอุปาทายรูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4 นี้เรียกว่ารูปอดีต

รูปอนาคต เป็นไฉน
รูปใด ยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดยิ่ง ยังไม่
ปรากฏ ยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่เกิดขึ้นพร้อม ยังไม่ตั้งขึ้น ยังไม่ตั้งขึ้นพร้อม ที่เป็นอนาคต
สงเคราะห์เข้ากับส่วนอนาคต ได้แก่มหาภูตรูป 4 และอุปาทายรูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4 นี้
เรียกว่ารูปอนาคต
รูปปัจจุบัน เป็นไฉน
รูปใด เกิดแล้ว เป็นแล้ว เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดยิ่งแล้วปรากฏแล้ว
เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นพร้อมแล้ว ตั้งขึ้นแล้ว ตั้งขึ้นพร้อมแล้ว ที่เป็นปัจจุบันสงเคราะห์เข้ากับส่วน
ปัจจุบัน ได้แก่มหาภูตรูป 4 และอุปาทายรูปที่อาศัยมหาภูตรูป 4 นี้เรียกว่ารูปปัจจุบัน
[4] รูปภายใน เป็นไฉน
รูปใด ของสัตว์นั้นๆ เอง ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน เฉพาะบุคคล
อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่มหาภูตรูป 4 และอุปาทายรูปที่อาศัยมหา
ภูตรูป 4 นี้เรียกว่ารูปภายใน
รูปภายนอก เป็นไฉน
รูปใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตนเฉพาะบุคคล
อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่มหาภูตรูป 4 และอุปาทายรูปที่อาศัยมหา
ภูตรูป 4 นี้เรียกว่ารูปภายนอก
[5] รูปหยาบ เป็นไฉน
จักขายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ กายายตนะ รูปายตนะ
สัททายตนะ คันธายตนะ รสายตนะ โผฏฐัพพายตนะ นี้เรียกว่ารูปหยาบ
รูปละเอียด เป็นไฉน
อิตถินทรีย์ ปุริสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ กายวิญญัติ วจีวิญญัติ อากาสธาตุรูปลหุตา
รูปมุทุตา รูปกัมมัญญตา รูปอุปจยะ รูปสันตติ รูปชรตา รูปอนิจจตากวฬิงการาหาร นี้เรียกว่า
รูปละเอียด
[6] รูปทราม เป็นไฉน
รูปใด ของสัตว์นั้นๆ ที่น่าดูหมิ่น น่าเหยียดหยาม น่าเกลียด น่าตำหนิ ไม่น่า
ยกย่อง ทราม รู้กันว่าทราม สมมติกันว่าทราม ไม่น่าปรารถนาไม่น่ารัก ไม่น่าชอบใจ
ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นี้เรียกว่ารูปทราม

รูปประณีต เป็นไฉน
รูปใด ของสัตว์นั้นๆ ที่ไม่น่าดูหมิ่น ไม่น่าเหยียดหยาม ไม่น่าเกลียดไม่น่าตำหนิ
น่ายกย่อง ประณีต รู้กันว่าประณีต สมมติกันว่าประณีต น่าปรารถนา น่ารัก น่าชอบใจ
ได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ นี้เรียกว่ารูปประณีต
หรือพึงทราบรูปทรามรูปประณีต โดยอาศัยเทียบเคียงรูปนั้นๆ เป็นชั้นๆไป
[7] รูปไกล เป็นไฉน
อิตถินทรีย์ ฯลฯ กวฬิงการาหาร หรือรูปแม้อื่นใดมีอยู่ในที่ไม่ใกล้ ในที่ไม่ใกล้ชิด
ในที่ไกล ในที่ไม่ใช่ใกล้ นี้เรียกว่ารูปไกล
รูปใกล้ เป็นไฉน
จักขายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ หรือรูปแม้อื่นใดมีอยู่ในที่ใกล้เคียงในที่
ใกล้ชิด ในที่ไม่ไกล ในที่ใกล้ นี้เรียกว่ารูปใกล้
หรือพึงทราบรูปไกลรูปใกล้ โดยอาศัยเทียบเคียงรูปนั้นๆ เป็นชั้นๆ ไป
เวทนาขันธ์
[8] เวทนาขันธ์ เป็นไฉน
เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ เวทนาอดีต เวทนาอนาคต เวทนาปัจจุบัน
เวทนาภายใน เวทนาภายนอก เวทนาหยาบ เวทนาละเอียด เวทนาทราม เวทนา
ประณีต เวทนาไกล เวทนาใกล้ประมวลย่อเข้าเป็นกองเดียวกัน นี้เรียกว่าเวทนาขันธ์
[9] ในเวทนาขันธ์นั้น เวทนาอดีต เป็นไฉน
เวทนาใด ล่วงไปแล้ว ดับแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว ถึงความดับแล้ว
ถึงความสิ้นแล้ว ที่เกิดขึ้นแล้วปราศไปแล้ว ที่เป็นอดีตสงเคราะห์เข้ากับส่วนอดีต ได้แก่สุขเวทนา
ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่าเวทนาอดีต
เวทนาอนาคต เป็นไฉน
เวทนาใด ยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิด ยังไม่บังเกิดยิ่ง
ยังไม่ปรากฏ ยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่เกิดขึ้นพร้อม ยังไม่ตั้งขึ้น ยังไม่ตั้งขึ้นพร้อม ที่เป็น

อนาคตสงเคราะห์เข้ากับส่วนอนาคต ได้แก่ สุขเวทนาทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่า
เวทนาอนาคต
เวทนาปัจจุบัน เป็นไฉน
เวทนาใด เกิดแล้ว เป็นแล้ว เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดยิ่งแล้ว ปรากฏแล้ว
เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นพร้อมแล้ว ตั้งขึ้นแล้ว ตั้งขึ้นพร้อมแล้วที่เป็นปัจจุบันสงเคราะห์เข้ากับ
ส่วนปัจจุบัน ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนาอทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่าเวทนาปัจจุบัน
[10] เวทนาภายใน เป็นไฉน
เวทนาใด ของสัตว์นั้นๆ เองซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน เฉพาะบุคคล อันกรรมที่
สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่ สุขเวทนา ทุกขเวทนาอทุกขมสุขเวทนา นี้เรียกว่า
เวทนาภายใน
เวทนาภายนอก เป็นไฉน
เวทนาใด ของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นนั้นๆ ซึ่งมีในตน เฉพาะตน เกิดในตน
มีเฉพาะบุคคล อันกรรมที่สัมปยุตด้วยตัณหาทิฐิยึดครอง ได้แก่สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุข
เวทนา นี้เรียกว่าเวทนาภายนอก
[11] เวทนาหยาบ เวทนาละเอียด เป็นไฉน
อกุศลเวทนาเป็นเวทนาหยาบ กุศลเวทนาและอัพยากตเวทนาเป็นเวทนาละเอียด กุศล
เวทนาและอกุศลเวทนาเป็นเวทนาหยาบ อัพยากตเวทนาเป็นเวทนาละเอียด ทุกขเวทนาเป็น
เวทนาหยาบ สุขเวทนาและอทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาละเอียด สุขเวทนาและทุกขเวทนา
เป็นเวทนาหยาบ อทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาละเอียด เวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติเป็นเวทนาหยาบ
เวทนาของผู้เข้าสมาบัติเป็นเวทนาละเอียด เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาหยาบ
เวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาละเอียด
หรือพึงทราบเวทนาหยาบเวทนาละเอียด โดยอาศัยเทียบเคียงเวทนานั้นๆเป็น
ชั้นๆ ไป
[12] เวทนาทราม เวทนาประณีต เป็นไฉน
อกุศลเวทนาเป็นเวทนาทราม กุศลเวทนาและอัพยากตเวทนาเป็นเวทนาประณีต
กุศลเวทนาและอกุศลเวทนาเป็นเวทนาทราม อัพยากตเวทนาเป็นเวทนาประณีต ทุกขเวทนาเป็น
เวทนาทราม สุขเวทนาและอทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาประณีต สุขเวทนาและทุกขเวทนาเป็น

เวทนาทราม อทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาประณีต เวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติเป็นเวทนาทราม
เวทนาของผู้เข้าสมาบัติเป็นเวทนาประณีต เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาทราม
เวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาประณีต
หรือพึงทราบเวทนาทรามเวทนาประณีต โดยอาศัยเทียบเคียงเวทนานั้นๆเป็น
ชั้นๆ ไป
[13] เวทนาไกล เป็นไฉน
อกุศลเวทนาไกลจากกุศลเวทนาและอัพยากตเวทนา กุศลเวทนาและ
อัพยากตเวทนาเป็นเวทนาไกลจากอกุศลเวทนา กุศลเวทนาเป็นเวทนาไกลจากอกุศลเวทนาและ
อัพยากตเวทนา อกุศลเวทนาและอัพยากตเวทนาเป็นเวทนาไกลจากกุศลเวทนา อัพยากต
เวทนาเป็นเวทนาไกลจากกุศลเวทนาและอกุศลเวทนากุศลเวทนาและอกุศลเวทนาเป็นเวทนา
ไกลจากอัพยากตเวทนา ทุกขเวทนาเป็นเวทนาไกลจากสุขเวทนาและอทุกขมสุขเวทนา สุขเวทนา
และอทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาไกลจากทุกขเวทนา สุขเวทนาเป็นเวทนาไกลจากทุกขเวทนา
และอทุกขมสุขเวทนา ทุกขเวทนาและอทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาไกลจากสุขเวทนา อทุกขม
สุขเวทนาเป็นเวทนาไกลจากสุขเวทนาและทุกขเวทนา สุขเวทนาและทุกขเวทนาเป็น
เวทนาไกลจากอทุกขมสุขเวทนา เวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติเป็นเวทนาไกลจากเวทนาของผู้เข้า
สมาบัติ เวทนาของผู้เข้าสมาบัติเป็นเวทนาไกลจากเวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติ เวทนาที่เป็น
อารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาไกลจากเวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์
ของอาสวะเป็นเวทนาไกลจากเวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะ นี้เรียกว่าเวทนาไกล
เวทนาใกล้ เป็นไฉน
อกุศลเวทนาเป็นเวทนาใกล้กับอกุศลเวทนา กุศลเวทนาเป็นเวทนาใกล้กับกุศลเวทนา
อัพยากตเวทนาเป็นเวทนาใกล้กับอัพยากตเวทนา ทุกขเวทนาเป็นเวทนาใกล้กับทุกขเวทนา
สุขเวทนาเป็นเวทนาใกล้กับสุขเวทนา อทุกขมสุขเวทนาเป็นเวทนาใกล้กับอทุกขมสุขเวทนา
เวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติเป็นเวทนาใกล้กับเวทนาของผู้ไม่เข้าสมาบัติ เวทนาของผู้เข้าสมาบัติ
เป็นเวทนาใกล้กับเวทนาของผู้เข้าสมาบัติ เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาใกล้กับ
เวทนาที่เป็นอารมณ์ของอาสวะ เวทนาที่ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะเป็นเวทนาใกล้กับเวทนาที่ไม่
เป็นอารมณ์ของอาสวะ นี้เรียกว่าเวทนาใกล้

หรือพึงทราบเวทนาไกลเวทนาใกล้ โดยอาศัยเทียบเคียงเวทนานั้นๆ เป็น
ชั้นๆ ไป
สัญญาขันธ์
[14] สัญญาขันธ์ เป็นไฉน
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ สัญญาอดีต สัญญาอนาคตสัญญาปัจจุบัน
สัญญาภายใน สัญญาภายนอก สัญญาหยาบสัญญาละเอียด สัญญาทราม
สัญญาประณีต สัญญาไกลสัญญาใกล้ ประมวลย่อเข้าเป็นกองเดียวกัน นี้เรียกว่า
สัญญาขันธ์
[15] ในสัญญาขันธ์ นั้น สัญญาอดีต เป็นไฉน
สัญญาใด ล่วงไปแล้ว ดับแล้ว ปราศไปแล้ว แปรไปแล้ว ถึงความดับแล้ว ถึงความ
สิ้นแล้ว ที่เกิดขึ้นแล้วปราศไปแล้ว ที่เป็นอดีตสงเคราะห์เข้ากับส่วนอดีต ได้แก่จักขุสัมผัสสชา
สัญญา โสตสัมผัสสชาสัญญา ฆานสัมผัสสชาสัญญา ชิวหาสัมผัสสชาสัญญา กายสัมผัส
สชาสัญญา มโนสัมผัสสชาสัญญานี้เรียกว่าสัญญาอดีต
สัญญาอนาคต เป็นไฉน
สัญญาใด ยังไม่เกิด ยังไม่เป็น ยังไม่เกิดพร้อม ยังไม่บังเกิดยังไม่บังเกิด
ยิ่ง ยังไม่ปรากฏ ยังไม่เกิดขึ้น ยังไม่เกิดขึ้นพร้อม ยังไม่ตั้งขึ้นยังไม่ตั้งขึ้นพร้อม
ที่เป็นอนาคตสงเคราะห์เข้ากับส่วนอนาคต ได้แก่ จักขุสัมผัสสชาสัญญา ฯลฯ มโนสัมผัสสชา
สัญญา นี้เรียกว่าสัญญาอนาคต
สัญญาปัจจุบัน เป็นไฉน
สัญญาใด เกิดแล้ว เป็นแล้ว เกิดพร้อมแล้ว บังเกิดแล้ว บังเกิดยิ่งแล้ว
ปรากฏแล้ว เกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นพร้อมแล้ว ตั้งขึ้นแล้ว ตั้งขึ้นพร้อมแล้วที่เป็น
ปัจจุบันสงเคราะห์เข้ากับส่วนปัจจุบัน ได้แก่ จักขุสัมผัสสชาสัญญา ฯลฯมโนสัมผัสสชา
สัญญา นี้เรียกว่าสัญญาปัจจุบัน
[16] สัญญาภายใน เป็นไฉน