เมนู

3. หิริสุตฺตํ

[256]

หิริํ ตรนฺตํ วิชิคุจฺฉมานํ, ตวาหมสฺมิ [สขาหมสฺมิ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] อิติ ภาสมานํ;

สยฺหานิ กมฺมานิ อนาทิยนฺตํ, เนโส มมนฺติ อิติ นํ วิชญฺญาฯ

[257]

อนนฺวยํ [อตฺถนฺวยํ (ก.)] ปิยํ วาจํ, โย มิตฺเตสุ ปกุพฺพติ;

อกโรนฺตํ ภาสมานํ, ปริชานนฺติ ปณฺฑิตาฯ

[258]

โส มิตฺโต โย สทา อปฺปมตฺโต, เภทาสงฺกี รนฺธเมวานุปสฺสี;

ยสฺมิญฺจ เสติ อุรสีว ปุตฺโต, ส เว มิตฺโต โย ปเรหิ อเภชฺโชฯ

[259]

ปามุชฺชกรณํ ฐานํ, ปสํสาวหนํ สุขํ;

ผลานิสํโส ภาเวติ, วหนฺโต โปริสํ ธุรํฯ

[260]

ปวิเวกรสํ ปิตฺวา, รสํ อุปสมสฺส จ;

นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป, ธมฺมปีติรสํ ปิวนฺติฯ

หิริสุตฺตํ ตติยํ นิฏฺฐิตํฯ

4. มงฺคลสุตฺตํ

เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ อถ โข อญฺญตรา เทวตา อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวณฺณา เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตา โข สา เทวตา ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

[261]

‘‘พหู เทวา มนุสฺสา จ, มงฺคลานิ อจินฺตยุํ;

อากงฺขมานา โสตฺถานํ, พฺรูหิ มงฺคลมุตฺตมํ’’ฯ

[262]

‘‘อเสวนา จ พาลานํ, ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา;

ปูชา จ ปูชเนยฺยานํ [ปูชนียานํ (สี. สฺยา. กํ. ปี.)], เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[263]

‘‘ปติรูปเทสวาโส จ, ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา;

อตฺตสมฺมาปณิธิ [อตฺตสมฺมาปณีธี (กตฺถจิ)] จ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[264]

‘‘พาหุสจฺจญฺจ สิปฺปญฺจ, วินโย จ สุสิกฺขิโต;

สุภาสิตา จ ยา วาจา, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[265]

‘‘มาตาปิตุ อุปฏฺฐานํ, ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห;

อนากุลา จ กมฺมนฺตา, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[266]

‘‘ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ, ญาตกานญฺจ สงฺคโห;

อนวชฺชานิ กมฺมานิ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[267]

‘‘อารตี วิรตี ปาปา, มชฺชปานา จ สํยโม;

อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[268]

‘‘คารโว จ นิวาโต จ, สนฺตุฏฺฐิ จ กตญฺญุตา;

กาเลน ธมฺมสฺสวนํ [ธมฺมสวณํ (กตฺถจิ), ธมฺมสวนํ (สี. ก.)], เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[269]

‘‘ขนฺตี จ โสวจสฺสตา, สมณานญฺจ ทสฺสนํ;

กาเลน ธมฺมสากจฺฉา, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[270]

‘‘ตโป จ พฺรหฺมจริยญฺจ, อริยสจฺจาน ทสฺสนํ;

นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[271]

‘‘ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ, จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ;

อโสกํ วิรชํ เขมํ, เอตํ มงฺคลมุตฺตมํฯ

[272]

‘‘เอตาทิสานิ กตฺวาน, สพฺพตฺถมปราชิตา;

สพฺพตฺถ โสตฺถิํ คจฺฉนฺติ, ตํ เตสํ มงฺคลมุตฺตม’’นฺติฯ

มงฺคลสุตฺตํ จตุตฺถํ นิฏฺฐิตํฯ

5. สูจิโลมสุตฺตํ

เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา คยายํ วิหรติ ฏงฺกิตมญฺเจ สูจิโลมสฺส ยกฺขสฺส ภวเนฯ เตน โข ปน สมเยน ขโร จ ยกฺโข สูจิโลโม จ ยกฺโข ภควโต อวิทูเร อติกฺกมนฺติฯ อถ โข ขโร ยกฺโข สูจิโลมํ ยกฺขํ เอตทโวจ – ‘‘เอโส สมโณ’’ติฯ ‘‘เนโส สมโณ, สมณโก เอโสฯ ยาวาหํ ชานามิ [ยาว ชานามิ (สี. ปี.)] ยทิ วา โส สมโณ [ยทิ วา สมโณ (สฺยา.)], ยทิ วา โส สมณโก’’ติ [ยทิ วา สมณโกติ (สี. สฺยา. ปี.)]

อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควโต กายํ อุปนาเมสิฯ อถ โข ภควา กายํ อปนาเมสิฯ อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ภายสิ มํ, สมณา’’ติ? ‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ภายามิ; อปิ จ เต สปฺผสฺโส ปาปโก’’ติฯ

‘‘ปญฺหํ ตํ, สมณ, ปุจฺฉิสฺสามิฯ สเจ เม น พฺยากริสฺสสิ, จิตฺตํ วา เต ขิปิสฺสามิ, หทยํ วา เต ผาเลสฺสามิ, ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิปิสฺสามี’’ติฯ

‘‘น ขฺวาหํ ตํ, อาวุโส, ปสฺสามิ สเทวเก โลเก สมารเก สพฺรหฺมเก สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย โย เม จิตฺตํ วา ขิเปยฺย หทยํ วา ผาเลยฺย ปาเทสุ วา คเหตฺวา ปารคงฺคาย ขิเปยฺยฯ อปิ จ ตฺวํ, อาวุโส, ปุจฺฉ ยทากงฺขสี’’ติฯ อถ โข สูจิโลโม ยกฺโข ภควนฺตํ คาถาย อชฺฌภาสิ –

[273]

‘‘ราโค จ โทโส จ กุโตนิทานา, อรตี รตี โลมหํโส กุโตชา;

กุโต สมุฏฺฐาย มโนวิตกฺกา, กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติ’’ฯ

[274]

‘‘ราโค จ โทโส จ อิโตนิทานา, อรตี รตี โลมหํโส อิโตชา;

อิโต สมุฏฺฐาย มโนวิตกฺกา, กุมารกา ธงฺกมิโวสฺสชนฺติฯ

[274]