เมนู

2. ปาติโมกฺขฏฺฐปนาสุตฺตํ

[32] ‘‘กติ นุ โข, ภนฺเต, ปาติโมกฺขฏฺฐปนา’’ติ? ‘‘ทส โข, อุปาลิ, ปาติโมกฺขฏฺฐปนาฯ กตเม ทส? ปาราชิโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ , ปาราชิกกถา วิปฺปกตา โหติ, อนุปสมฺปนฺโน ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ, อนุปสมฺปนฺนกถา วิปฺปกตา โหติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ, สิกฺขํ ปจฺจกฺขาตกกถา วิปฺปกตา โหติ, ปณฺฑโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ, ปณฺฑกกถา วิปฺปกตา โหติ, ภิกฺขุนิทูสโก ตสฺสํ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ, ภิกฺขุนิทูสกกถา วิปฺปกตา โหติ – อิเม โข, อุปาลิ, ทส ปาติโมกฺขฏฺฐปนา’’ติฯ ทุติยํฯ

3. อุพฺพาหิกาสุตฺตํ

[33] [จูฬว. 231] ‘‘กติหิ นุ โข, ภนฺเต, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติ? ‘‘ทสหิ โข, อุปาลิ, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตพฺโพฯ กตเมหิ ทสหิ? อิธุปาลิ, ภิกฺขุ สีลวา โหติ; ปาติโมกฺขสํวรสํวุโต วิหรติ อาจารโคจรสมฺปนฺโน อณุมตฺเตสุ วชฺเชสุ ภยทสฺสาวี, สมาทาย สิกฺขติ สิกฺขาปเทสุ; พหุสฺสุโต โหติ สุตธโร สุตสนฺนิจโย, เย เต ธมฺมา อาทิกลฺยาณา มชฺเฌกลฺยาณา ปริโยสานกลฺยาณา สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ [สตฺถา สพฺยญฺชนา (สี.) เอวมุปริปิ] เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ อภิวทนฺติ, ตถารูปาสฺส ธมฺมา พหุสฺสุตา โหนฺติ ธาตา วจสา ปริจิตา มนสานุเปกฺขิตา ทิฏฺฐิยา สุปฺปฏิวิทฺธา; อุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกฺขานิ วิตฺถาเรน สฺวาคตานิ โหนฺติ สุวิภตฺตานิ สุปฺปวตฺตีนิ สุวินิจฺฉิตานิ สุตฺตโส อนุพฺยญฺชนโส; วินเย โข ปน ฐิโต โหติ อสํหีโร; ปฏิพโล โหติ อุโภ อตฺถปจฺจตฺถิเก สญฺญาเปตุํ ปญฺญาเปตุํ นิชฺฌาเปตุํ เปกฺเขตุํ ปสาเทตุํ; อธิกรณสมุปฺปาทวูปสมกุสโล โหติ – อธิกรณํ ชานาติ; อธิกรณสมุทยํ ชานาติ; อธิกรณนิโรธํ ชานาติ; อธิกรณนิโรธคามินิํ ปฏิปทํ ชานาติฯ อิเมหิ โข, อุปาลิ, ทสหิ ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อุพฺพาหิกาย สมฺมนฺนิตพฺโพ’’ติฯ ตติยํฯ