เมนู

‘‘ส โข โส, ภิกฺขุ, ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ ธมฺมิโก ธมฺมราชา ธมฺมํเยว นิสฺสาย ธมฺมํ สกฺกโรนฺโต ธมฺมํ ครุํ กโรนฺโต ธมฺมํ อปจายมาโน ธมฺมทฺธโช ธมฺมเกตุ ธมฺมาธิปเตยฺโย ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา กายกมฺมสฺมิํ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา วจีกมฺมสฺมิํ, ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺติํ สํวิทหิตฺวา มโนกมฺมสฺมิํ, ธมฺเมเนว อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺเตติฯ ตํ โหติ จกฺกํ อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมิ’’นฺติฯ จตุตฺถํฯ

5. สเจตนสุตฺตํ

[15] เอกํ สมยํ ภควา พาราณสิยํ วิหรติ อิสิปตเน มิคทาเยฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทนฺเต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจสฺโสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –

‘‘ภูตปุพฺพํ, ภิกฺขเว, ราชา อโหสิ สเจตโน [ปเจตโน (สี. สฺยา. กํ. ปี.)] นามฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามนฺเตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติฯ สกฺขิสฺสสิ [สกฺขสิ (สฺยา. กํ. ปี.)] เม, สมฺม รถการ, นวํ จกฺกยุคํ กาตุ’นฺติ? ‘สกฺโกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร รญฺโญ สเจตนสฺส ปจฺจสฺโสสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฏฺฐาเปสิฯ อถ โข, ภิกฺขเว, ราชา สเจตโน รถการํ อามนฺเตสิ – ‘อิโต เม, สมฺม รถการ, ฉนฺนํ ทิวสานํ อจฺจเยน สงฺคาโม ภวิสฺสติ, นิฏฺฐิตํ นวํ จกฺกยุค’นฺติ? ‘อิเมหิ โข, เทว, ฉหิ มาเสหิ ฉารตฺตูเนหิ เอกํ จกฺกํ นิฏฺฐิต’นฺติฯ ‘สกฺขิสฺสสิ ปน เม, สมฺม รถการ, อิเมหิ ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฏฺฐาเปตุ’นฺติ? ‘สกฺโกมิ เทวา’ติ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ฉหิ ทิวเสหิ ทุติยํ จกฺกํ นิฏฺฐาเปตฺวา นวํ จกฺกยุคํ อาทาย เยน ราชา สเจตโน เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ราชานํ สเจตนํ เอตทโวจ – ‘อิทํ เต, เทว, นวํ จกฺกยุคํ นิฏฺฐิต’นฺติฯ ‘ยญฺจ เต อิทํ, สมฺม รถการ, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ยญฺจ เต อิทํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺฐิตํ, อิเมสํ กิํ นานากรณํ? เนสาหํ กิญฺจิ นานากรณํ ปสฺสามี’ติฯ ‘อตฺเถสํ, เทว, นานากรณํฯ ปสฺสตุ เทโว นานากรณ’’’นฺติฯ

‘‘อถ โข, ภิกฺขเว, รถกาโร ยํ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺฐิตํ ตํ ปวตฺเตสิฯ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติฯ ยํ ปน ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺเตสิฯ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มญฺเญ อฏฺฐาสิฯ

‘‘‘โก นุ โข, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ [ยทิทํ (ก.)] จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺฐิตํ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติ? โก ปน, สมฺม รถการ, เหตุ โก ปจฺจโย ยมิทํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตํ ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มญฺเญ อฏฺฐาสี’ติ? ‘ยมิทํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺฐิตํ ตสฺส เนมิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, อราปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวา, นาภิปิ สวงฺกา สโทสา สกสาวาฯ ตํ เนมิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, อรานมฺปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา, นาภิยาปิ สวงฺกตฺตา สโทสตฺตา สกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา จิงฺคุลายิตฺวา ภูมิยํ ปปติฯ ยํ ปน ตํ, เทว, จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิ ตสฺส เนมิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, อราปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวา, นาภิปิ อวงฺกา อโทสา อกสาวาฯ ตํ เนมิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, อรานมฺปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา, นาภิยาปิ อวงฺกตฺตา อโทสตฺตา อกสาวตฺตา ปวตฺติตํ สมานํ ยาวติกา อภิสงฺขารสฺส คติ ตาวติกํ คนฺตฺวา อกฺขาหตํ มญฺเญ อฏฺฐาสี’’’ติฯ

‘‘สิยา โข ปน, ภิกฺขเว, ตุมฺหากํ เอวมสฺส – ‘อญฺโญ นูน เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสี’ติ! น โข ปเนตํ, ภิกฺขเว, เอวํ ทฏฺฐพฺพํฯ อหํ เตน สมเยน โส รถกาโร อโหสิํฯ ตทาหํ, ภิกฺขเว, กุสโล ทารุวงฺกานํ ทารุโทสานํ ทารุกสาวานํฯ

เอตรหิ โข ปนาหํ, ภิกฺขเว, อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ กุสโล กายวงฺกานํ กายโทสานํ กายกสาวานํ, กุสโล วจีวงฺกานํ วจีโทสานํ วจีกสาวานํ, กุสโล มโนวงฺกานํ มโนโทสานํ มโนกสาวานํฯ ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวงฺโก อปฺปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวงฺโก อปฺปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวงฺโก อปฺปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว, เอวํ ปปติตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมา ธมฺมวินยา, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ ทิวเสหิ นิฏฺฐิตํฯ

‘‘ยสฺส กสฺสจิ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุสฺส วา ภิกฺขุนิยา วา กายวงฺโก ปหีโน กายโทโส กายกสาโว, วจีวงฺโก ปหีโน วจีโทโส วจีกสาโว, มโนวงฺโก ปหีโน มโนโทโส มโนกสาโว , เอวํ ปติฏฺฐิตา เต, ภิกฺขเว, อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย, เสยฺยถาปิ ตํ จกฺกํ ฉหิ มาเสหิ นิฏฺฐิตํ ฉารตฺตูเนหิฯ

‘‘ตสฺมาติห , ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘กายวงฺกํ ปชหิสฺสาม กายโทสํ กายกสาวํ, วจีวงฺกํ ปชหิสฺสาม วจีโทสํ วจีกสาวํ, มโนวงฺกํ ปชหิสฺสาม มโนโทสํ มโนกสาว’นฺติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ปญฺจมํฯ

6. อปณฺณกสุตฺตํ

[16] ‘‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปทํ [อปณฺณกตํ ปฏิปทํ (สี. ปี.) ฏีกาย ปน สเมติ] ปฏิปนฺโน โหติ, โยนิ จสฺส อารทฺธา โหติ อาสวานํ ขยายฯ กตเมหิ ตีหิ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ, โภชเน มตฺตญฺญู โหติ, ชาคริยํ อนุยุตฺโต โหติฯ

‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร โหติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ ยตฺวาธิกรณเมนํ [ยตฺวาธิกรณเมตํ (สี.)] จกฺขุนฺทฺริยํ อสํวุตํ วิหรนฺตํ อภิชฺฌาโทมนสฺสา ปาปกา อกุสลา ธมฺมา อนฺวาสฺสเวยฺยุํ ตสฺส สํวราย ปฏิปชฺชติ, รกฺขติ จกฺขุนฺทฺริยํ, จกฺขุนฺทฺริเย สํวรํ อาปชฺชติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย น นิมิตฺตคฺคาหี โหติ นานุพฺยญฺชนคฺคาหีฯ