เมนู

ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺฐิกภาวยุตฺติ

พหู ปน อาธุนิกา วิจกฺขณา ธมฺมานนฺทาทโย ‘‘อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถโร ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺฐิโก’’ติ วทนฺติฯ อยํ ปเนตฺถ ยุตฺติ, เยภุยฺเยน หิ อฏฺฐกถาฏีกาการา เถรา ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺฐิกาเยวฯ ตถา หิ พุทฺธวํสฏฺฐกถาย จ อภิธมฺมาวตารฏฺฐกถาย จ วินยวินิจฺฉยฏฺฐกถาย จ การโก อาจริยพุทฺธทตฺตตฺเถโร โจฬรฏฺเฐ ตมฺพปณฺณินทิยํ อุรคนคเร ชาโต อาจริยพุทฺธโฆเสน เอกกาลิโก จฯ ปรมตฺถวินิจฺฉย-นามรูปปริจฺเฉท-อภิธมฺมตฺถสงฺคหานํ การโก อาจริยอนุรุทฺธตฺเถโร [เอกจฺเจ ปน วทนฺติ-ปรมตฺถวินิจฺฉยการโก เอโก, นามรูปปริจฺเฉทอภิธมฺมตฺถสงฺคหานํ การโก เอโกติ ทฺเว อนุรุทฺธตฺเถราติ] กญฺจิวรรฏฺเฐ กาเวรินครชาติโกฯ ขุทฺทกนิกายปริยาปนฺนอุทานาทิปาฬิยา สํวณฺณนาภูตาย ปรมตฺถทีปนิยา การโก อาจริยธมฺมปาลตฺเถโรปิ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเฐ กญฺจิปุรชาติโกฯ ตเถวายมฺปีติ เวทิตพฺโพฯ วุตฺตญฺหิ มโนรถปูรณิยา นาม องฺคุตฺตรฏฺฐกถาย นิคมเน –

‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน ภทนฺตโชติปาเลน;

กญฺจิปุราทีสุ มยา, ปุพฺเพ สทฺธิํ วสนฺเตนา’’ติฯ

เอตฺถ จ กญฺจิปุรํ นาม มทรสนครสฺส อีสกํ ปจฺฉิมนิสฺสิเต ทกฺขิณทิสาภาเค ปญฺจจตฺตาลีสมิลปฺปมาเณ ปเทเส อิทานิ กญฺชีวร อิติ โวหริตนครเมวฯ

ตถา ปปญฺจสูทนิยา นาม มชฺฌิมฏฺฐกถาย นิคมเนปิ –

‘‘อายาจิโต สุมตินา, เถเรน พุทฺธมิตฺเตน;

ปุพฺเพ มยูรทูต [มยูรรูป (สี.), มยูรสุตฺต (สฺยา.)] ปฏฺฏนมฺหิ สทฺธิํ วสนฺเตนา’’ติ – วุตฺตํฯ

เอตฺถ จ มยูรทูตปฏฺฏนํ นาม อิทานิ มทรสนครสมีเป มิลโปร อิติ โวหริตฏฺฐานนฺติ โปราณปฺปวตฺติคเวสีหิ วุตฺตํฯ

อิมาหิ ปน นิคมนคาถาหิ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเฐเยว นิวุตฺถปุพฺพตํ ปกาเสติ, โพธิมณฺฑสมีเป วา, มรมฺมรฏฺเฐ วา นิวุตฺถปุพฺพตาย ปกาสนญฺจ น ทิสฺสติฯ เตน อาจริยพุทฺธโฆโส ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺฐิโก น โหตีติ น สกฺกา ปฏิกฺขิปิตุํฯ

สมนฺตปาสาทิกายมฺปิ วินยฏฺฐกถายํ (3, 13) อาจริเยน เอวํ วุตฺตํ –

‘‘ยํ ปน อนฺธกฏฺฐกถายํ ‘อปริกฺขิตฺเต ปมุเข อนาปตฺตีติ ภูมิยํ วินา ชคติยา ปมุขํ สนฺธาย กถิต’นฺติ วุตฺตํ, ตํ อนฺธกรฏฺเฐ ปาเฏกฺกสนฺนิเวสา เอกจฺฉทนา คพฺภปาฬิโย สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ

อิมินา ปน วจเนน ‘‘อนฺธกฏฺฐกถา อนฺธกรฏฺฐิเกหิ เถเรหิ กตา’’ติ ปากฏา โหติ, อาจริยพุทฺธโฆโสปิ จ อนฺธกฏฺฐกถาย สนฺธายภาสิตมฺปิ ตนฺเทสิกคพฺภปาฬิสนฺนิเวสาการมฺปิ สุฏฺฐุ ชานาติ, ตสฺมา ตนฺเทสิโก น โหตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ

ตถา อิมสฺสปิ วิสุทฺธิมคฺคสฺส นิคมเน – ‘‘โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺเพนา’’ติ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ เขโฏติ ปทสฺส คาโมติ วา, ชานปทานํ กสฺสกานํ นิวาโสติ วา, ขุทฺทกนครนฺติ วา ตโย อตฺถา สกฺกตาภิธาเน ปกาสิตา, ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเฐสุ จ ยาวชฺชตนาปิ คาโม เขฑาติ โวหรียติฯ ตสฺมา โมรณฺฑวฺหเย เขเฏ ชาโต โมรณฺฑเขฏโก, โมรณฺฑเขฏโก อิติ วตฺตพฺโพ โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺโพ, เตน โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺเพนาติ วจนตฺถํ กตฺวา ‘‘โมรณฺฑคาเม ชาโตติ วตฺตพฺเพน เถเรนา’’ติ อตฺโถ คเหตพฺโพฯ อิทานิ ปน ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเฐ คุนฺตาชนปเท นาคารชุนโกณฺฑโต เอกปณฺณาสมิลมตฺเต (51) อมรวติโต จ อฏฺฐปณฺณาสมิลมตฺเต (58) ปเทเส โกตเนมลิปุรีติ จ คุนฺทลปลฺลีติ จ โวหริตํ ฐานทฺวยมตฺถิ, ตตฺถ จ พหูนิ พุทฺธสาสนิกโปราณสนฺตกานิ ทิฏฺฐานิ, เนมลีติ เตลคุโวหาโร จ โมรสฺส, คุนฺทลุ อิติ จ อณฺฑสฺส, ตสฺมา ตํ ฐานทฺวยเมว ปุพฺเพ โมรณฺฑเขโฏติ โวหริโต อาจริยพุทฺธโฆสสฺส ชาติคาโม ภเวยฺยาติ โปราณฏฺฐานคเวสีหิ คหิโตฯ ยสฺมา ปเนตํ ‘‘โมรณฺฑเขฏกวตฺตพฺเพนา’’ติ ปทํ ‘‘โมรณฺฑคามชาเตนา’’ติ ปทํ วิย ปาฬินยานุจฺฉวิกํ น โหติ, อญฺเญหิ จ พหูหิ วิเสสนปเทหิ เอกโต อฏฺฐตฺวา วิเสสฺยปทสฺส ปจฺฉโต วิสุํ ฐิตํ, อาคมฏฺฐกถาทีสุ จ น ทิสฺสติ, ตสฺมา เอตํ เกนจิ ตํกาลิเกน อาจริยสฺส ชาติฏฺฐานํ สญฺชานนฺเตน ปกฺขิตฺตํ วิย ทิสฺสตีติฯ

อิเมสุ ปน ตีสุ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆโส โพธิมณฺฑสมีเป ชาโตติ จ มรมฺมรฏฺฐิโกติ จ ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺฐิโก’’ติ จ วุตฺตวจเนสุ ปจฺฉิมเมว พลวตรํ โหติ อาจริยสฺเสว วจนนิสฺสิตตฺตา, ตสฺมา ตเทว นิสฺสาย อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อุปฺปตฺติ เอวํ เวทิตพฺพาฯ

อาจริยพุทฺธโฆสตฺเถรสฺส อฏฺฐุปฺปตฺติ

อาจริยพุทฺธโฆโส ทสเม พุทฺธวสฺสสตเก (901-1000-พุ-ว) ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเฐ โมรณฺฑคาเม พฺราหฺมณกุเล ชาโต, โส ตีสุ เวเทสุ เจว สพฺพวิชฺชาสิปฺปคนฺเถสุ จ ปารงฺคโต หุตฺวา พุทฺธสาสนธมฺมํ สุตฺวา ตมฺปิ อุคฺคณฺหิตุกาโม ตสฺมิํเยว ทกฺขิณอินฺทิยรฏฺเฐ เอกสฺมิํ เถรวาทิกวิหาเร มหาวิหารวาสีนํ เรวตตฺเถรปฺปมุขานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ปพฺพชฺชญฺเจว อุปสมฺปทญฺจ คณฺหิตฺวา ปิฏกตฺตยปาฬิมุคฺคณฺหิฯ โส เอวํ ปิฏกตฺตยปาฬิมุคฺคณฺหนฺโตเยว อญฺญาสิ ‘‘อยเมกายนมคฺโค ทสฺสนวิสุทฺธิยา นิพฺพานสจฺฉิกิริยายา’’ติฯ อาจริยุปชฺฌายา จ ตสฺส วิสิฏฺฐญาณปฺปภาวสมฺปนฺนภาวํ ญตฺวา ‘‘อิมสฺส พุทฺธสาสเน กิตฺติโฆโส พุทฺธสฺส วิย ปวตฺติสฺสตี’’ติ สมฺปสฺสมานา ‘‘พุทฺธโฆโส’’ติ นามมกํสุฯ เตน วุตฺตํ ‘‘พุทฺธโฆโสติ ครูหิ คหิตนามเธยฺเยนา’’ติฯ

โส เอวํ ปิฏกตฺตยปาฬิมุคฺคณฺหิตฺวา มทรส นครสมีปฏฺฐานภูเต มยูรทูตปฏฺฏนมฺหิกญฺจิปุราทีสุ จ วสนฺโต อนฺธกฏฺฐกถาย ปริจยํ กตฺวา ตาย อสนฺตุฏฺฐจิตฺโต สีหฬฏฺฐกถาสุปิ ปริจยํ กาตุกาโม ตา จ ปาฬิภาสมาโรเปตฺวา อภินวีกาตุมาสีสนฺโต สีหฬทีปมคมาสิฯ ตสฺมิญฺจ กาเล สีหฬทีเป มหานาโม นาม ราชา รชฺชํ กาเรติ, โส จ ราชา อภยคิริวาสีสุ ปสนฺโน เตเยว วิเสสโต ปคฺคณฺหาติฯ

เอกจฺเจ ปน อาธุนิกา วิจกฺขณา เอวํ วทนฺติ ‘‘อาจริยพุทฺธโฆสสฺส สีหฬทีปาคมเนน สิริเมฆวณฺณราชกาลโต (846-พุ-ว) ปุเรตรํเยว ภวิตพฺพ’’นฺติฯ อิทญฺจ เนสํ การณํ, ตสฺส รญฺโญ นววสฺสกาเล (855-พุ-ว) พุทฺธสฺส ทาฐาธาตุกลิงฺครฏฺฐโต สีหฬทีปมานีตา, ตโต ปฏฺฐาย สีหฬราชาโน อนุสํวจฺฉรํ มหนฺตํ ธาตุปูชาอุสฺสวํ กโรนฺติฯ