เมนู

อนิยตกณฺฑํ

1. ปฐมอนิยตสิกฺขาปทวณฺณนา

‘‘มาตุคาเมนา’’ติ วตฺวา ปุน ‘‘เอกายา’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘มาตุคามสงฺขาตาย เอกาย อิตฺถิยา’’ติ วุตฺตํฯ รโหติ อปฺปกาสํฯ อปฺปกาสตา จ โย อนาปตฺติํ กโรติ, ตสฺส อปจฺจกฺขภาวโตติ อาห ‘‘จกฺขุสฺส รโห’’ติฯ นนุ ‘‘รโห นาม จกฺขุสฺส รโห, โสตสฺส รโหฯ จกฺขุสฺส รโห นาม น สกฺกา โหติ อกฺขิํ วา นิขณิยมาเน, ภมุกํ วา อุกฺขิปิยมาเน, สีสํ วา อุกฺขิปิยมาเน ปสฺสิตุํฯ โสตสฺส รโห นาม น สกฺกา โหติ ปกติกถา โสตุ’’นฺติ ปทภาชนปาฬิยํ โสตสฺส รโหติ อาคตํ, อถ กสฺมา ตํ อวตฺวา ‘‘จกฺขุสฺส รโห’’ติ เอตฺตกเมว วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ อิมินา ปาฬิยํ ‘‘โสตสฺส รโห’’ติ อิทํ อตฺถุทฺธารวเสน วุตฺตนฺติ ทสฺเสติฯ อถ กถเมตํ วิญฺญายติ ‘‘จกฺขุสฺเสว รโห อิธ อธิปฺเปโต’’ติ? ‘‘ปฏิจฺฉนฺเน อาสเน’’ติ วจนโต ‘‘สกฺกา โหติ เมถุนํ ธมฺมํ ปฏิเสวิตุ’’นฺติ (ปารา. 445) จ วุตฺตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘สเจปี’’ติอาทิฯ ‘‘ปิหิตกวาฏสฺสา’’ติ (สารตฺถ. ฏี. 2.444-445) อิมินา ปฏิจฺฉนฺนภาวโต จกฺขุสฺส รโหสพฺภาวํ ทสฺเสติฯ อปิหิตกวาฏสฺส (ปารา. อฏฺฐ. 2.444-445) ปน ทฺวาเร นิสินฺโน อนาปตฺติํ กโรติ, น เกวลํ อปิหิตกวาฏสฺส คพฺภสฺส ทฺวาเร นิสินฺโนว อนาปตฺติํ กโรติ, อนฺโตทฺวาทสหตฺเถ โอกาเส นิสินฺโนปีติ เวทิตพฺโพฯ เตนาห ‘‘ยตฺถ ปน สกฺกา ทฏฺฐุ’’นฺติอาทิฯ ยสฺมา นิสีทิตฺวา นิทฺทายนฺโต กปิมิทฺธปเรโต กญฺจิ กาลํ จกฺขูนิ อุมฺมีเลติ, กญฺจิ กาลํ นิมีเลติ, น จ มหานิทฺทํ โอกฺกมติ, ตสฺมา ‘‘นิทฺทายนฺโตปิ อนาปตฺติํ กโรตี’’ติ วุตฺตํฯ นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโต ปน ตาทิโส น โหตีติ อาห ‘‘นิปชฺชิตฺวา นิทฺทายนฺโตปิ น กโรตี’’ติ, อนาปตฺติํ น กโรตีติ อตฺโถฯ เมถุนสฺส มาตุคาโม ทุติโย น โหติฯ อิตฺถิโย หิ อญฺญมญฺญิสฺสา วชฺชํ ปฏิจฺฉาเทนฺติฯ เตเนว เวสาลิยํ (ปารา. 76-77) มหาวเน ทฺวารํ วิวริตฺวา นิปนฺเน ภิกฺขุมฺหิ สมฺพหุลา อิตฺถิโย ยาวทตฺถํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ เตนาห ‘‘อิตฺถีนํ ปน สตมฺปิ น กโรตี’’ติฯ ตํ กมฺมนฺติ อชฺฌาจารกมฺมํฯ ยสฺมา นิสีทิตฺวาว นิปชฺชติ, ตสฺมา นิปชฺชนมฺปิ อนฺโตกตฺวา ‘‘นิสชฺชํ กปฺเปยฺยา’’ติ วุตฺตนฺติ ทสฺเสตุํ ‘‘เอตฺถ จา’’ติอาทิมาหฯ ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน กาเรตพฺโพติ นิสชฺชํ ปฏิชานมานสฺส ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตรสมาโยโค โหติเยวาติ วุตฺตํฯ ปาราชิเกน, ปน สงฺฆาทิเสเสน จ ปาจิตฺติเยน จ เตนากาเรน นิสชฺชํ ปฏิชานมาโนว กาเรตพฺโพฯ น อปฺปฏิชานมาโนติ นิสชฺชํ อปฺปฏิชานมาโน ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน น กาเรตพฺโพติฯ อลชฺชีปิ หิ ปฏิชานมาโนว อาปตฺติยา กาเรตพฺโพฯ ยาว น ปฏิชานาติ, ตาว ‘‘เนว สุทฺโธ’’ติ วา ‘‘น อสุทฺโธ’’ติ วา วตฺตพฺโพ, วตฺตานุสนฺธินา ปน กาเรตพฺโพติฯ วุตฺตญฺเหตํ –

‘‘ปฏิญฺญา ลชฺชีสุ กตา, อลชฺชีสุ เอวํ น วิชฺชติ;

พหุมฺปิ อลชฺชี ภาเสยฺย, วตฺตานุสนฺธิเตน การเย’’ติฯ (ปริ. 359);

น เกวลํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อญฺญตเรน โจทนายเมว เอวํ ปฏิญฺญาย กาเรตพฺโพ, อถ โข นิสชฺชาทินา อากาเรน สทฺธิํ โจทนายปีติ ทสฺเสตุํ ‘‘เยน วา สา สทฺเธยฺยวจสา อุปาสิกา วเทยฺย, เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘นิสชฺชาทีสุ อากาเรสู’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ ‘‘ปฏิชานมาโน’’ติ อวุตฺเตปิ อธิการตฺตา ‘‘ปฏิชานมาโนว เตน โส ภิกฺขุ กาเรตพฺโพ’’ติ วุตฺตํฯ ตถารูปาย (สารตฺถ. ฏี. 2.444-445) อุปาสิกาย วจเน อญฺญถตฺตาภาวโต ทิฏฺฐํ นาม ตถาปิ โหติ, อญฺญถาปิ โหตีติ ทสฺสเน อญฺญถตฺตสมฺภวํ ทสฺเสติฯ อเนกํสิกตาย น นิยโตติ อนิยโตฯ เตนาห ‘‘ติณฺณํ อาปตฺตีน’’นฺติอาทิฯ

รโหนิสชฺชสฺสาเทน มาตุคามสฺส สนฺติกํ คนฺตุกาโม อกฺขิํ อญฺเชติ, ทุกฺกฏํฯ นิวาสนํ นิวาเสติ, กายพนฺธนํ พนฺธติ, จีวรํ ปารุปติ, สพฺพตฺถ ปโยเค ปโยเค ทุกฺกฏํฯ คจฺฉติ, ปทวาเร ปทวาเร ทุกฺกฏํฯ คนฺตฺวาน นิสีทติ, ทุกฺกฏเมวฯ เตนาห ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตนา’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ รโหนิสชฺชสฺสาทสฺส อสติปิ เมถุนราคภาเว ตปฺปฏิพทฺธกิเลสตฺตา วุตฺตํ ‘‘เมถุนธมฺมสนฺนิสฺสิตกิเลสสงฺขาเตนา’’ติฯ เตเนว สนฺนิสฺสิตคฺคหณํ กตํฯ