เมนู

3. อกาลจีวรสิกฺขาปทวณฺณนา

ตติเย นิฏฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนาติ สามิวเสเนว กรณตฺโถ เวทิตพฺโพฯ อกาลจีวรํ นาม ยฺวายํ ‘‘อนตฺถเต กถิเน วสฺสานสฺส ปจฺฉิโม มาโส, อตฺถเต กถิเน ปญฺจมาสา’’ติ (ปารา. 649) จีวรกาโล วุตฺโต, ตํ ฐเปตฺวา อญฺญทา อุปฺปนฺนํ, ยญฺจ กาเลปิ สงฺฆสฺส วา ‘‘อิทํ อกาลจีวร’’นฺติ, ปุคฺคลสฺส วา ‘‘อิทํ ตุยฺหํ ทมฺมี’’ติอาทินา นเยน ทินฺนํ, เอตํ อกาลจีวรํ นามฯ อุปฺปชฺเชยฺยาติ เอวรูปํ จีวรํ อตฺตโน ภาคปฏิลาภวเสน สงฺฆโต วา สุตฺตนฺติกาทิคณโต วา ญาติโต วา มิตฺตโต วา ปํสุกูลํ วา อตฺตโน วา ธเนน (ปารา. 500), อถ วา ปน ‘‘อฏฺฐิมา, ภิกฺขเว, มาติกา จีวรสฺส อุปฺปาทาย สีมาย เทติ, กติกาย เทติ, ภิกฺขาปญฺญตฺติกาย เทติ, สงฺฆสฺส เทติ, อุภโตสงฺฆสฺส เทติ, วสฺสํวุฏฺฐสงฺฆสฺส เทติ, อาทิสฺส เทติ, ปุคฺคลสฺส เทตี’’ติ (มหาว. 379) อิมาสํ อฏฺฐนฺนํ มาติกานํ อญฺญตรโต อุปฺปชฺเชยฺยฯ เอตฺถ จ ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ เอวํ สีมํ ปรามสิตฺวา เทนฺโต สีมาย เทติ นาม, เอส นโย สพฺพตฺถฯ เอตฺถ จ สีมาติ ขณฺฑสีมา อุปจารสีมา สมานสํวาสสีมา อวิปฺปวาสสีมา ลาภสีมา คามสีมา นิคมสีมา นครสีมา อพฺภนฺตรสีมา อุทกุกฺเขปสีมา ชนปทสีมา รฏฺฐสีมา รชฺชสีมา ทีปสีมา จกฺกวาฬสีมาติ ปนฺนรสวิธาฯ ตตฺถ อุปจารสีมา นาม ปริกฺขิตฺตสฺส วิหารสฺส ปริกฺเขเปน, อปริกฺขิตฺตสฺส ปริกฺเขปารหฏฺฐาเนน ปริจฺฉินฺนาฯ อปิ จ ภิกฺขูนํ ธุวสนฺนิปาตฏฺฐานโต วา ปริยนฺเต ฐิตโภชนสาลโต วา นิพทฺธวสนกอาวาสโต วา ถามมชฺฌิมสฺส ปุริสสฺส ทฺวินฺนํ เลฑฺฑุปาตานํ อนฺโต ‘‘อุปจารสีมา’’ติ เวทิตพฺพาฯ สา ปน อาวาเส วฑฺฒนฺเต วฑฺฒติ, หายนฺเต หายติ , โยชนสตมฺปิ อุปจารสีมาว โหติฯ ตตฺถ ทินฺนลาโภ สพฺเพสํ อนฺโตสีมคตานํ ปาปุณาติ, ภิกฺขุนีนํ อารามปเวสนเสนาสนาปุจฺฉนานิ ปริวาสมานตฺตาโรจนํ วสฺสจฺเฉทนิสฺสยเสนาสนคฺคาหาทิวิธานนฺติ อิทมฺปิ สพฺพํ อิมิสฺสาว สีมาย วเสน เวทิตพฺพํฯ ลาภสีมาติ ยํ ราชราชมหามตฺตาทโย วิหารํ การาเปตฺวา คาวุตํ วา อทฺธโยชนํ วา โยชนํ วา สมนฺตา ปริจฺฉินฺทิตฺวา ‘‘อยํ อมฺหากํ วิหารสฺส ลาภสีมา, ยํ เอตฺถนฺตเร อุปฺปชฺชติ, ตํ สพฺพํ อมฺหากํ วิหารสฺส เทมา’’ติ ฐเปนฺติ, อยํ ลาภสีมา นามฯ กาสิโกสลาทีนํ ปน รฏฺฐานํ อนฺโต พหู ชนปทา โหนฺติ, ตตฺถ เอโก ชนปทปริจฺเฉโท ชนปทสีมา, กาสิโกสลาทิรฏฺฐปริจฺเฉโท รฏฺฐสีมา, เอกสฺส รญฺโญ อาณาปวตฺติฏฺฐานํ รชฺชสีมา, สมุทฺทนฺเตน ปริจฺฉินฺโน มหาทีโป วา อนฺตรทีโป วา ทีปสีมา, เอกจกฺกวาฬปพฺพตปริกฺเขปพฺภนฺตรํ จกฺกวาฬสีมา, เสสา นิทานกถายํ วุตฺตนยา เอวฯ ตตฺถ ‘‘ขณฺฑสีมาย เทมา’’ติ ทินฺนํ ขณฺฑสีมฏฺฐานํเยว ปาปุณาติ, ตโต พหิสีมาย สีมนฺตริกฏฺฐานมฺปิ น ปาปุณาติฯ ‘‘อุปจารสีมาย เทมา’’ติ ทินฺนํ ปน อนฺโตปริจฺเฉเท ขณฺฑสีมาสีมนฺตริกาสุ ฐิตานมฺปิ ปาปุณาติ, สมานสํวาสสีมาย ทินฺนํ ขณฺฑสีมาสีมนฺตริกฏฺฐานํ น ปาปุณาติ, อวิปฺปวาสสีมาลาภสีมาสุ ทินฺนํ ตาสํ อนฺโตคธานํเยว ปาปุณาติ, คามสีมาทีสุ ทินฺนํ ตาสํ สีมานํ อพฺภนฺตเร พทฺธสีมฏฺฐานมฺปิ ปาปุณาติ, อพฺภนฺตรสีมาอุทกุกฺเขปสีมาสุ ทินฺนํ ตตฺถ อนฺโตคธานํเยว ปาปุณาติ, ชนปทสีมาทีสุ ทินฺนมฺปิ ตาสํ อพฺภนฺตเร พทฺธสีมฏฺฐานมฺปิ ปาปุณาติ, ตสฺมา ยํ ชมฺพุทีเป ฐตฺวา ‘‘ตมฺพปณฺณิทีเป สงฺฆสฺส เทมา’’ติ ทียติ, ตํ ตมฺพปณฺณิทีปโต เอโกปิ คนฺตฺวา สพฺเพสํ สงฺคณฺหิตุํ ลภติฯ สเจปิ ตตฺเถว เอโก สภาโค ภิกฺขุ สภาคานํ ภาคํ คณฺหาติ, น วาเรตพฺโพฯ โย ปน วิหารํ ปวิสิตฺวา ‘‘อสุกสีมายา’’ติ อวตฺวาว เกวลํ ‘‘สีมาย ทมฺมี’’ติ วทติ, โส ปุจฺฉิตพฺโพ ‘‘สีมา นาม พหุวิธา, กตรํ สนฺธาย วทสี’’ติ, สเจ วทติ ‘‘อหเมตํ เภทํ น ชานามิ, สีมฏฺฐกสงฺโฆ คณฺหตู’’ติ, อุปจารสีมฏฺเฐหิ ภาเชตพฺพํฯ

กติกายาติเอตฺถ กติกา นาม สมานลาภกติกาฯ