8-9. ปฐมคิญฺชกาวสถสุตฺตาทิวณฺณนา
[1004-5] อฏฺฐเม ญาติเกติ เอกํ ตฬากํ นิสฺสาย ทฺวินฺนํ จูฬปิติมหาปิติปุตฺตานํ ทฺเว คามา, เตสุ เอกสฺมิํ คามเกฯ คิญฺชกาวสเถติ อิฏฺฐกามเย อาวสเถฯ โอรมฺภาคิยานนฺติ เหฏฺฐาภาคิยานํ, กามภเวเยว ปฏิสนฺธิคฺคาหาปกานนฺติ อตฺโถฯ โอรนฺติ ลทฺธนาเมหิ วา ตีหิ มคฺเคหิ ปหาตพฺพานีติปิ โอรมฺภาคิยานิฯ ตตฺถ กามจฺฉนฺโท พฺยาปาโทติ อิมานิ ทฺเว สมาปตฺติยา วา อวิกฺขมฺภิตานิ มคฺเคน วา อสมุจฺฉินฺนานิ นิพฺพตฺติวเสน อุทฺธํ ภาคํ รูปภวํ อรูปภวํ วา คนฺตุํ น เทนฺติฯ สกฺกายทิฏฺฐิอาทีนิ ตีณิ ตตฺถ นิพฺพตฺตมฺปิ อาเนตฺวา ปุน อิเธว นิพฺพตฺตาเปนฺตีติ สพฺพานิปิ โอรมฺภาคิยาเนวฯ อนาวตฺติธมฺโมติ ปฏิสนฺธิวเสน อนาคมนสภาโวฯ
ราคโทสโมหานํ ตนุตฺตาติ เอตฺถ กทาจิ อุปฺปตฺติยา จ ปริยุฏฺฐานมนฺทตาย จาติ ทฺเวธาปิ ตนุภาโว เวทิตพฺโพฯ สกทาคามิสฺส หิ ปุถุชฺชนานํ วิย อภิณฺหํ ราคาทโย น อุปฺปชฺชนฺติ, กทาจิ กรหจิ อุปฺปชฺชนฺติฯ อุปฺปชฺชมานา จ น ปุถุชฺชนานํ วิย พหลพหลา อุปฺปชฺชนฺติ, มกฺขิปตฺตํ วิย ตนุกา อุปฺปชฺชนฺติฯ ทีฆภาณกติปิฏกมหาสีวตฺเถโร ปนาห – ‘‘ยสฺมา สกทาคามิสฺส ปุตฺตธีตโร โหนฺติ, โอโรธา จ โหนฺติ, ตสฺมา พหลา กิเลสาฯ อิทํ ปน ภวตนุกวเสน กถิต’’นฺติฯ ตํ อฏฺฐกถายํ ‘‘โสตาปนฺนสฺส สตฺต ภเว ฐเปตฺวา อฏฺฐเม ภเว ภวตนุกํ นตฺถิ, สกทาคามิสฺส ทฺเว ภเว ฐเปตฺวา ปญฺจสุ ภเวสุ ภวตนุกํ นตฺถิ, อนาคามิสฺส รูปารูปภวํ ฐเปตฺวา กามภเว ภวตนุกํ นตฺถิ, ขีณาสวสฺส กิสฺมิญฺจิ ภเว ภวตนุกํ นตฺถี’’ติ วุตฺตตฺตา ปฏิกฺขิตฺตํ โหติฯ
อิมํ โลกนฺติ อิมํ กามาวจรโลกํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อยญฺเหตฺถ อธิปฺปาโย – สเจ หิ มนุสฺเสสุ สกทาคามิผลํ ปตฺโต เทเวสุ นิพฺพตฺติตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, อิจฺเจตํ กุสลํฯ อสกฺโกนฺโต ปน อวสฺสํ มนุสฺสโลกํ อาคนฺตฺวา สจฺฉิกโรติฯ เทเวสุ สกทาคามิผลํ ปตฺโตปิ สเจ มนุสฺเสสุ นิพฺพตฺติตฺวา อรหตฺตํ สจฺฉิกโรติ, อิจฺเจตํ กุสลํฯ อสกฺโกนฺโต ปน อวสฺสํ เทวโลกํ คนฺตฺวา สจฺฉิกโรตีติฯ
วินิปตนํ วินิปาโต, นาสฺส วินิปาโต ธมฺโมติ อวินิปาตธมฺโม, จตูสุ อปาเยสุ อวินิปาตนสภาโวติ อตฺโถฯ นิยโตติ ธมฺมนิยาเมน นิยโตฯ สมฺโพธิปรายโณติ อุปริมคฺคตฺตยสงฺขาตา สมฺโพธิ ปรํ อยนํ อสฺส คติ ปฏิสรณํ อวสฺสํ ปตฺตพฺพาติ สมฺโพธิปรายโณฯ วิเหสาเวสาติ เตสํ เตสํ ญาณคติํ ญาณูปปตฺติํ ญาณาภิสมฺปรายํ โอโลเกนฺตสฺส กายกิลมโถว เอส, อานนฺท, ตถาคตสฺสาติ ทีเปติฯ จิตฺตวิเหสา ปน พุทฺธานํ นตฺถิฯ
ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํฯ เยนาติ เยน ธมฺมาทาเสน สมนฺนาคโตฯ ขีณาปายทุคฺคติวินิปาโตติ อิทํ นิรยาทีนํเยว เววจนวเสเนว วุตฺตํฯ นิรยาทโย หิ วฑฺฒิสงฺขาตโต อยโต อเปตตฺตา อปาโย, ทุกฺขสฺส คติ ปฏิสรณนฺติฯ ทุคฺคติ, ทุกฺกฏการิโน เอตฺถ วิวสา นิปตนฺตีติ วินิปาโตฯ นวมํ อุตฺตานเมวฯ
10. ตติยคิญฺชกาวสถสุตฺตวณฺณนา
[1006] ทสเม ปโรปญฺญาสาติ อติเรกปญฺญาสฯ สาธิกนวุตีติ อติเรกนวุติฯ ฉาติเรกานีติ ฉหิ อธิกานิฯ โส กิร คาโม กิญฺจาปิ นาติมหา อโหสิ, อริยสาวกา ปเนตฺถ พหูฯ ตตฺถ ตตฺถ อหิวาตโรเคน เอกปฺปหาเรเนว จตุวีสติ ปาณสตสหสฺสานิ กาลมกํสุ, เตสุ อริยสาวกา เอตฺตกา นาม อเหสุํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
เวฬุทฺวารวคฺโค ปฐโมฯ
2. ราชการามวคฺโค
1. สหสฺสภิกฺขุนิสงฺฆสุตฺตวณฺณนา
[1007] ทุติยสฺส ปฐเม ราชการาเมติ รญฺญา การิตตฺตา เอวํ ลทฺธนาเม อาราเม, ตํ รญฺญา ปเสนทิโกสเลน กตํฯ ปฐมโพธิยํ กิร ลาภคฺคยสคฺคปตฺตํ สตฺถารํ ทิสฺวา ติตฺถิยา จินฺตยิํสุ – ‘‘สมโณ โคตโม ลาภคฺคยสคฺคปตฺโต, น โข ปเนส อญฺญํ กิญฺจิ สีลํ วา สมาธิํ วา นิสฺสาย เอวํ ลาภคฺคยสคฺคปตฺโตฯ ภูมิสีสํ ปน เตน คหิตํ, สเจ มยมฺปิ เชตวนสมีเป อารามํ การาเปตุํ สกฺกุเณยฺยาม, ลาภคฺคยสคฺคปตฺตา ภเวยฺยามา’’ติฯ เต อตฺตโน อตฺตโน อุปฏฺฐาเก สมาทเปตฺวา สตสหสฺสมตฺเต กหาปเณ ลภิตฺวา เต อาทาย รญฺโญ สนฺติกํ อคมํสุฯ ราชา ‘‘กิํ เอต’’นฺติ? ปุจฺฉิฯ มยํ เชตวนสมีเป ติตฺถิยารามํ กโรม, สเจ สมโณ โคตโม วา สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา วา อาคนฺตฺวา วาเรสฺสนฺติ, วาเรตุํ มา อทตฺถาติ ลญฺชํ อทํสุฯ ราชา ลญฺชํ คเหตฺวา ‘‘คจฺฉถ กาเรถา’’ติ อาหฯ