9. ทุติยปริหานิสุตฺตํ
[29] ‘‘สตฺติเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา อุปาสกสฺส ปริหานาย สํวตฺตนฺติ ฯ กตเม สตฺต? ภิกฺขุทสฺสนํ หาเปติ, สทฺธมฺมสฺสวนํ ปมชฺชติ, อธิสีเล น สิกฺขติ, อปฺปสาทพหุโล โหติ , ภิกฺขูสุ เถเรสุ เจว นเวสุ จ มชฺฌิเมสุ จ อุปารมฺภจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ รนฺธคเวสี, อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ, ตตฺถ จ ปุพฺพการํ กโรติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, สตฺต ธมฺมา อุปาสกสฺส ปริหานาย สํวตฺตนฺติฯ
‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา อุปาสกสฺส อปริหานาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม สตฺต? ภิกฺขุทสฺสนํ น หาเปติ, สทฺธมฺมสฺสวนํ นปฺปมชฺชติ, อธิสีเล สิกฺขติ, ปสาทพหุโล โหติ, ภิกฺขูสุ เถเรสุ เจว นเวสุ จ มชฺฌิเมสุ จ อนุปารมฺภจิตฺโต ธมฺมํ สุณาติ น รนฺธคเวสี, น อิโต พหิทฺธา ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ, อิธ จ ปุพฺพการํ กโรติฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, สตฺต ธมฺมา อุปาสกสฺส อปริหานาย สํวตฺตนฺตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘ทสฺสนํ ภาวิตตฺตานํ, โย หาเปติ อุปาสโก;
สวนญฺจ อริยธมฺมานํ, อธิสีเล น สิกฺขติฯ
‘‘อปฺปสาโท จ ภิกฺขูสุ, ภิยฺโย ภิยฺโย ปวฑฺฒติ;
อุปารมฺภกจิตฺโต จ, สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉติฯ
‘‘อิโต จ พหิทฺธา อญฺญํ, ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ;
ตตฺเถว จ ปุพฺพการํ, โย กโรติ อุปาสโกฯ
‘‘เอเต โข ปริหานิเย, สตฺต ธมฺเม สุเทสิเต;
อุปาสโก เสวมาโน, สทฺธมฺมา ปริหายติฯ
‘‘ทสฺสนํ ภาวิตตฺตานํ, โย น หาเปติ อุปาสโก;
สวนญฺจ อริยธมฺมานํ, อธิสีเล จ สิกฺขติฯ
‘‘ปสาโท จสฺส ภิกฺขูสุ, ภิยฺโย ภิยฺโย ปวฑฺฒติ;
อนุปารมฺภจิตฺโต จ, สทฺธมฺมํ โสตุมิจฺฉติฯ
‘‘น อิโต พหิทฺธา อญฺญํ, ทกฺขิเณยฺยํ คเวสติ;
อิเธว จ ปุพฺพการํ, โย กโรติ อุปาสโกฯ