พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [1. มหาวรรค] รวมกถาที่มีในวรรค
ปร. รูปมีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้ว่า เป็นเวทนา ฯลฯ เป็นสัญญา ฯลฯ
เป็นสังขาร ฯลฯ เป็นวิญญาณ เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ
วิญญาณ มีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้ว่า เป็นรูป วิญญาณมีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้ว่า
เป็นเวทนา วิญญาณมีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้ว่า เป็นสัญญา วิญญาณมีอยู่
โดยสภาวะอย่างนี้ว่า เป็นสังขาร ใช่ไหม
สก. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ปร. ดังนั้น รูปจึงมีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้ ไม่มีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้
เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขาร ฯลฯ วิญญาณมีอยู่โดยสภาวะอย่างนี้ ไม่มี
อยู่โดยสภาวะอย่างนี้
เหวัตถีติกถา จบ
มหาวรรคที่ 1 จบ
รวมกถาที่มีในวรรคนี้ คือ
1. ปุคคลกถา 2. ปริหานิกถา
3. พรหมจริยกถา (ก) 3. โอธิโสกถา (ข)
4. ชหติกถา 5. สัพพมัตถีติกถา
6. อตีตักขันธาทิกถา 7. เอกัจจมัตถีติกถา
8. สติปัฏฐานกถา 9. เหวัตถีติกถา
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
2. ทุติยวรรค
1. ปรูปหารกถา (10)
ว่าด้วยเรื่องที่บุคคลอื่นนำเข้าไปให้
[307] สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. ราคะ กามราคะ กามราคปริยุฏฐาน กามราคสังโยชน์ กาโมฆะ
กามโยคะ กามฉันทนิวรณ์ของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ราคะ กามราคะ กามราคปริยุฏฐาน กามราคสังโยชน์ กาโมฆะ
กามโยคะ กามฉันทนิวรณ์ของพระอรหันต์ไม่มีใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากราคะ กามราคะ กามราคปริยุฏฐาน กามราคสังโยชน์ กาโมฆะ
กามโยคะ กามฉันทนิวรณ์ของพระอรหันต์ไม่มี ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า น้ำอสุจิ
และการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของปุถุชนมีอยู่ และราคะ กามราคะ
กามราคปริยุฏฐาน กามราคสังโยชน์ กาโมฆะ กามโยคะ กามฉันทนิวรณ์ของ
ปุถุชนนั้นมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ และราคะ กามราคะ
กามราคปริยุฏฐาน ฯลฯ กามฉันทนิวรณ์ของพระอรหันต์นั้นมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายปุพพเสลิยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 307/181)
2 เพราะมีความเห็นว่า ถ้าถูกมารดลใจ แม้พระอรหันต์ก็หลั่งน้ำอสุจิได้ จึงตอบรับ (อภิ.ปญฺจ.อ. 307/181)
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ และราคะ กามราคะ
กามราคปริยุฏฐาน ฯลฯ กามฉันทนิวรณ์ของพระอรหันต์นั้นก็มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของปุถุชนมีอยู่ และราคะ กามราคะ
กามราคปริยุฏฐาน ฯลฯ กามฉันทนิวรณ์ของปุถุชนนั้นไม่มีใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. เพราะเหตุไร
ปร. เพราะว่า พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำ
อสุจิเข้าไปให้แก่พระอรหันต์
สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไป
ให้แก่พระอรหันต์ได้ใช่ไหม
ปร. ใช่1
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารไม่มีน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากพวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารไม่มีน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิ
ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อย
น้ำอสุจิเข้าไปให้แก่พระอรหันต์ได้
เชิงอรรถ :
1 เพราะปรวาทีมีความเห็นว่า คนผู้ไม่ใช่พระอรหันต์แต่ปฏิญาณตนว่าเป็นพระอรหันต์เป็นต้นหลั่งน้ำอสุจิได้
จึงตอบรับ (อภิ.ปญฺจ.อ. 307/181)
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไป
ให้แก่พระอรหันต์ได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไป
ให้แก่ตน ให้แก่คนเหล่าอื่น แก่บุคคลนั้นได้ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไป
ให้แก่ตน ให้แก่คนเหล่าอื่น ให้แก่บุคคลนั้นไม่ได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากพวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิ
เข้าไปให้แก่ตน ให้แก่คนเหล่าอื่น ให้แก่บุคคลนั้นไม่ได้ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า
พวกเทวดา ผู้นับเนื่องในหมู่มาร นำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไปให้แก่พระ
อรหันต์ได้
สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิเข้าไป
ให้แก่พระอรหันต์ได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. นำเข้าไปทางขุมขนใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[308] สก. พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารนำน้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิ
เข้าไปให้แก่พระอรหันต์ได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. เพราะเหตุไร
ปร. เพราะจะให้ท่านสงสัย
สก. ความสงสัยของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความสงสัยของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ความสงสัยในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ใน
ส่วนเบื้องต้น ในส่วนเบื้องปลาย ในส่วนเบื้องต้นและเบื้องปลาย ความสงสัยใน
ปฏิจจสมุปบาทที่ว่า เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของพระอรหันต์
มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความสงสัยในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ใน
ส่วนเบื้องต้น ในส่วนเบื้องปลาย ในส่วนเบื้องต้นและส่วนเบื้องปลาย ในปฏิจจ-
สมุปบาทที่ว่าเพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของพระอรหันต์ ไม่มีใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากความสงสัยในพระศาสดา ฯลฯ ความสงสัยในปฏิจจสมุปบาทที่ว่า
เพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของพระอรหันต์ไม่มี ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า
ความสงสัยของพระอรหันต์มีอยู่
สก. ความสงสัยของปุถุชนมีอยู่ และความสงสัยในพระศาสดา ฯลฯ
ความสงสัยในปฏิจจสมุปบาทที่ว่าเพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของปุถุชน
นั้นก็มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. ความสงสัยของพระอรหันต์มีอยู่ และความสงสัยในพระศาสดา ฯลฯ
ความสงสัยในปฏิจจสมุปบาทที่ว่าเพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของพระ
อรหันต์นั้นก็มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ความสงสัยของพระอรหันต์มีอยู่ แต่ความสงสัยในพระศาสดา ฯลฯ
ความสงสัยในปฏิจจสมุปบาทที่ว่าเพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของพระ
อรหันต์นั้นไม่มีใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ความสงสัยของปุถุชนมีอยู่ แต่ความสงสัยในพระศาสดา ฯลฯ ความ
สงสัยในปฏิจจสมุปบาทที่ว่าเพราะธรรมนี้เป็นปัจจัย ธรรมนี้จึงมี ของปุถุชนนั้น
ไม่มีใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์เป็นผลของอะไร
ปร. เป็นผลของการฉัน การดื่ม การเคี้ยว และการลิ้ม
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์เป็นผลของการฉัน การดื่ม
การเคี้ยว และการลิ้มใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งยังกิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำ
อสุจิของชนเหล่านั้นทั้งหมดมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่งยังกิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำ
อสุจิของชนเหล่านั้นทั้งหมดมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พวกทารกยังกิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของ
พวกทารกมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. พวกบัณเฑาะก์ยังกิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำ
อสุจิของพวกบัณเฑาะก์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. พวกเทวดายังกิน ดื่ม เคี้ยว ลิ้มอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของ
พวกเทวดามีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[309] สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ เป็นผลของการฉัน
การดื่ม การเคี้ยว และการลิ้มใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ถุงน้ำอสุจินั้นมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. อุจจาระปัสสาวะของพระอรหันต์ เป็นผลของการฉัน การดื่ม และการ
เคี้ยว ลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะซึ่งเป็นที่ตั้งของอุจจาระปัสสาวะนั้นมีอยู่ ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ เป็นผลของการฉัน การ
ดื่ม การเคี้ยว และการลิ้ม ถุงน้ำอสุจินั้นมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ เป็นผลของการฉัน การดื่ม
การเคี้ยว และการลิ้ม (แต่)ถุงน้ำอสุจินั้นไม่มีใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. อุจจาระและปัสสาวะของพระอรหันต์เป็นผลของการฉัน การดื่ม การเคี้ยว
และการลิ้ม (แต่)ลำไส้ใหญ่และกระเพาะปัสสาวะของอุจจาระปัสสาวะนั้นไม่มีใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[310] สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระอรหันต์จะพึงเสพเมถุนธรรม จะพึงให้เมถุนธรรมเกิด จะพึงอยู่ครอบ
ครองที่นอนซึ่งยัดเยียดด้วยบุตร จะพึงใช้สอยผ้ากาสิกพัสตร์และจุรณจันทน์ จะพึง
ทัดทรงดอกไม้ ของหอม และเครื่องลูบไล้ จะพึงยินดีทองและเงินใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของปุถุชนมีอยู่ และปุถุชนจะพึงเสพ
เมถุนธรรม จะพึงให้เมถุนธรรมเกิด ฯลฯ จะพึงยินดีทองและเงินใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ พระอรหันต์จะพึงเสพ
เมถุนธรรม จะพึงให้เมถุนธรรมเกิด ฯลฯ จะพึงยินดีทองและเงินใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ และพระอรหันต์จะ
ไม่พึงเสพเมถุนธรรม จะไม่พึงให้เมถุนธรรมเกิด ฯลฯ จะไม่พึงยินดีทองและเงิน
ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของปุถุชนมีอยู่ และปุถุชนจะไม่พึงเสพ
เมถุนธรรม จะไม่พึงให้เมถุนธรรมเกิด จะไม่พึงอยู่ครอบครองที่นอนซึ่งยัดเยียดด้วย
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
บุตร จะไม่พึงใช้สอยผ้ากาสิกพัสตร์และจุรณจันทน์ จะไม่พึงทัดทรงดอกไม้ของหอม
และเครื่องลูบไล้ จะไม่พึงยินดีทองและเงินใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ราคะพระอรหันต์ละได้แล้ว ตัดรากถอนโคน เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดราก
ถอนโคนไปแล้วเหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. หากราคะพระอรหันต์ละได้แล้ว ตัดรากถอนโคน เหมือนต้นตาลที่ถูกตัด
รากถอนโคนไปแล้วเหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ท่านก็ไม่ควร
ยอมรับว่า น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โทสะพระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ โมหะพระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ
มานะพระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ ทิฏฐิพระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ วิจิกิจฉา
พระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ ถีนะพระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ อุทธัจจะพระอรหันต์
ละได้แล้ว ฯลฯ อหิริกะพระอรหันต์ละได้แล้ว ฯลฯ อโนตตัปปะพระอรหันต์ละได้
แล้ว ตัดรากถอนโคน เหมือนต้นตาลที่ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้วเหลือแต่พื้นที่
ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้มิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากอโนตตัปปะพระอรหันต์ละได้แล้ว ตัดรากถอนโคนเหมือนต้นตาลที่
ถูกตัดรากถอนโคนไปแล้วเหลือแต่พื้นที่ ทำให้ไม่มี เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้ ท่านก็ไม่
ควรยอมรับว่า น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
[311] สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
สก. พระอรหันต์เจริญมรรคเพื่อละราคะแล้วมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระอรหันต์เจริญมรรคเพื่อละราคะแล้ว ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า
น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระอรหันต์เจริญสติปัฏฐาน ฯลฯ สัมมัปปธาน ฯลฯ อิทธิบาท ฯลฯ
อินทรีย์ ฯลฯ พละ ฯลฯ โพชฌงค์ เพื่อละราคะมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระอรหันต์เจริญโพชฌงค์เพื่อละราคะ ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า
น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระอรหันต์เจริญมรรค ฯลฯ เจริญโพชฌงค์ เพื่อละโทสะ ฯลฯ เพื่อ
ละโมหะ ฯลฯ เพื่อละอโนตตัปปะมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระอรหันต์เจริญโพชฌงค์เพื่อละอโนตตัปปะ ท่านก็ไม่ควรยอมรับ
ว่า น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระอรหันต์เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว
ปลงภาระแล้ว บรรลุประโยชน์ตนแล้ว หมดสิ้นกิเลสเป็นเครื่องผูกสัตว์ไว้ในภพแล้ว
หลุดพ้นเพราะรู้ชอบแล้ว ถอดลิ่มสลัก กลบคู ถอนเสาระเนียดได้แล้ว ไม่มี
บานประตู เป็นพระอริยะ ปลดธงคือมานะ วางภาระคือขันธ์ หมดเครื่องผูกพัน
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [2. ทุติยวรรค] 1. ปรูปหารกถา (10)
ชนะอย่างวิเศษแล้ว กำหนดรู้ทุกข์ ละสมุทัย ทำให้แจ้งนิโรธ เจริญมรรคแล้ว รู้ยิ่ง
ธรรมที่ควรรู้ยิ่ง กำหนดรู้ธรรมที่ควรกำหนดรู้ ละธรรมที่ควรละ เจริญธรรมที่ควร
เจริญ ทำให้แจ้งธรรมที่ควรทำให้แจ้งแล้วมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. หากพระอรหันต์เป็นผู้ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ ทำกิจที่ควรทำ
เสร็จแล้ว ฯลฯ ทำให้แจ้งธรรมที่ควรทำให้แจ้ง ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า น้ำอสุจิ
และการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่
[312] สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์มีอยู่ใช่ไหม
ปร. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน1
มีอยู่ น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่น2 ไม่มี
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน
มีอยู่ใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่นมีอยู่ใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมอื่นไม่มีใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. น้ำอสุจิและการปล่อยน้ำอสุจิของพระอรหันต์ผู้ฉลาดในธรรมของตน
ไม่มีใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
เชิงอรรถ :
1 ผู้ฉลาดในธรรมของตน ในที่นี้หมายถึงพระอรหันต์ผู้เป็นปัญญาวิมุต เพราะบำเพ็ญวิปัสสนาล้วน ๆ มิได้
สัมผัสวิโมกข์ 8 แต่สิ้นอาสวะเพราะเห็นด้วยปัญญา (อภิ.ปญฺจ.อ. 312/182)
2 ผู้ฉลาดในธรรมอื่น ในที่นี้หมายถึงพระอรหันต์ผู้เป็นอุภโตภาควิมุต เพราะบำเพ็ญสมถกัมมัฏฐานได้
สัมผัสวิโมกข์ 8 ด้วยนามกาย ได้เจโตวิมุตติขั้นอรูปสมาบัติและสิ้นอาสวะเพราะเห็นด้วยปัญญา (อภิ.ปญฺจ.อ.
312/182)