พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 5. ปัญจกนิทเทส
3. สมณะหรือพราหมณ์อื่นกล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นอย่างนี้ว่า ท่าน
ผู้เจริญ อัตตาที่ท่านกล่าวถึงนี้มีอยู่จริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่อัตตานี้
ไม่ใช่บรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะ
เหตุไร เพราะวิตกวิจารที่มีอยู่ในปฐมฌานนั้น บัณฑิตกล่าวว่ายังเป็นของ
หยาบอยู่ เพราะวิตกและวิจารสงบไปแล้ว อัตตานี้จึงบรรลุทุติยฌานที่
ผ่องใส ฯลฯ จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม สมณะ
หรือพราหมณ์พวกหนึ่งบัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของ
สัตว์อย่างนี้
4. สมณะหรือพราหมณ์อื่นกล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นอย่างนี้ว่า อัตตา
ที่ท่านกล่าวถึงนี้มีอยู่จริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่อัตตานี้ไม่ใช่บรรลุ
นิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะเหตุไร
เพราะปีติและความลำพองใจที่มีอยู่ในทุติยฌานนั้น บัณฑิตจึงกล่าวว่ายัง
หยาบอยู่ เพราะปีติจางคลายไป อัตตานี้ ฯลฯ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ อัตตา
นี้จึงชื่อว่าบรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรม สมณะหรือพราหมณ์
พวกหนึ่งบัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้
5. สมณะหรือพราหมณ์อื่นกล่าวกะสมณะหรือพราหมณ์นั้นอย่างนี้ว่า ท่านผู้
เจริญ อัตตาที่ท่านกล่าวถึงนี้มีอยู่จริง เราไม่ปฏิเสธว่าไม่มี แต่อัตตานี้ไม่
ใช่บรรลุนิพพานในปัจจุบันอันเป็นบรมธรรมด้วยเหตุเพียงเท่านี้ เพราะ
เหตุไร เพราะจิตยังคำนึงถึงสุขมีอยู่ในตติยฌานนั้น บัญฑิตกล่าวว่ายัง
หยาบอยู่ เพราะเหตุที่ละสุขและทุกข์เสียได้ อัตตานี้ ฯลฯ จึงบรรลุ
จตุตถฌานที่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุขอยู่ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อัตตานี้จึงชื่อว่า
บรรลุนิพพานในปัจจุบันเป็นบรมธรรม สมณะหรือพราหมณ์พวกหนึ่ง
บัญญัตินิพพานในปัจจุบันว่าเป็นบรมธรรมของสัตว์อย่างนี้1
เหล่านี้เรียกว่า ทิฏฐธัมมนิพพานวาทะ 5 (15)
ปัญจกนิทเทส จบ
เชิงอรรถ :
1 ที.สี. 9/94-98/36-38
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 6.ฉักกนิทเทส
6. ฉักกนิทเทส
[944] บรรดาฉักกมาติกาเหล่านั้น วิวาทมูล 6 เป็นไฉน
วิวาทมูล 6 คือ
1. โกธะ (โกรธ)
2. มักขะ (ลบหลู่คุณท่าน)
3. อิสสา (ริษยา)
4. สาเถยยะ (โอ้อวด)
5. ปาปิจฉตา (ปรารถนาลามก)
6. สันทิฏฐิปรมาสิตา (ยึดถือแต่ความเห็นของตน)
เหล่านี้ชื่อว่าวิวาทมูล 6 (1)
ฉันทราคเคหสิตธรรม 6 เป็นไฉน
ฉันทราคเคหสิตธรรม 6 คือ
1. ความกำหนัด ความกำหนัดนัก ความกำหนัดนักแห่งจิต
ที่อาศัยกามคุณในรูปที่น่าชอบใจ
2. ความกำหนัด ฯลฯ ในเสียงที่น่าชอบใจ
3. ความกำหนัด ฯลฯ ในกลิ่นที่น่าชอบใจ
4. ความกำหนัด ฯลฯ ในรสที่น่าชอบใจ
5. ความกำหนัด ฯลฯ ในโผฏฐัพพะที่น่าชอบใจ
6. ความกำหนัด ฯลฯ ความกำหนัดนัก ความกำหนัดนัก
แห่งจิตที่อาศัยกามคุณในธรรมารมณ์ที่น่าชอบใจ
เหล่านี้เรียกว่า ฉันทราคเคหสิตธรรม 6 (2)
วิโรธวัตถุ 6 เป็นไฉน
วิโรธวัตถุ 6 คือ
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 6.ฉักกนิทเทส
1. ความอาฆาต ความกระทบแห่งจิต ฯลฯ ความดุร้าย
ความเกรี้ยวกราด ความที่จิตไม่เบิกบานในรูปที่ไม่น่าชอบใจ
2. ความอาฆาต ฯลฯ ในเสียงที่ไม่น่าชอบใจ
3. ความอาฆาต ฯลฯ ในกลิ่นที่ไม่น่าชอบใจ
4. ความอาฆาต ฯลฯ ในรสที่ไม่น่าชอบใจ
5. ความอาฆาต ฯลฯ ในโผฏฐัพพะที่ไม่น่าชอบใจ
6. ความอาฆาต ฯลฯ ความกระทบกระทั่งแห่งจิต ฯลฯ
ความดุร้าย ความเกรี้ยวกราด ความที่จิตไม่เบิกบานใน
ธรรมารมณ์ที่ไม่น่าชอบใจ
เหล่านี้เรียกว่า วิโรธวัตถุ 6 (3)
ตัณหากาย 6 เป็นไฉน
ตัณหากาย 6 คือ
1. รูปตัณหา (ตัณหาในรูป)
2. สัททตัณหา (ตัณหาในเสียง)
3. คันธตัณหา (ตัณหาในกลิ่น)
4. รสตัณหา (ตัณหาในรส)
5. โผฏฐัพพตัณหา (ตัณหาในโผฏฐัพพะ)
6. ธัมมตัณหา (ตัณหาในธรรม)
เหล่านี้ชื่อว่าตัณหากาย 6 (4)
[945] อคารวะ 6 เป็นไฉน
อคารวะ 6 คือ
1. บุคคลไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา
2. บุคคลไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระธรรม
3. บุคคลไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระสงฆ์
4. บุคคลไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในสิกขา
5. บุคคลไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในความไม่ประมาท
6. บุคคลไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในปฏิสันถาร
เหล่านี้ชื่อว่าอคารวะ 6 (5)
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 6.ฉักกนิทเทส
ปริหานิยธรรม 6 เป็นไฉน
ปริหานิยธรรม 6 คือ
1. กัมมารามตา (ความยินดีในการงาน)
2. ภัสสารามตา (ความยินดีในการสนทนา)
3. นิททารามตา (ความยินดีในการนอนหลับ)
4. สังคณิการามตา (ความยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่)
5. สังสัคคารามตา (ความยินดีในการติดต่อเกี่ยวข้อง)
6. ปปัญจารามตา (ความยินดีในธรรมเป็นเหตุเนิ่นช้า)
เหล่านี้ชื่อว่าปริหานิยธรรม 6 (6)
[946] ปริหานิยธรรม 6 อีกนัยหนึ่ง เป็นไฉน
ปริหานิยธรรม 6 อีกนัยหนึ่ง คือ
1. กัมมารามตา (ความยินดีในการทำงาน)
2. ภัสสารามตา (ความยินดีในการสนทนา)
3. นิททารามตา (ความยินดีในการนอนหลับ)
4. สังคณิการามตา (ความยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่)
5. โทวจัสสตา (ความเป็นผู้ว่ายาก)
6. ปาปมิตตตา (ความเป็นผู้มีมิตรชั่ว)
เหล่านี้ชื่อว่าปริหานิยธรรม 6 (7)
โสมนัสสุปวิจาร1 6 เป็นไฉน
โสมนัสสุปวิจาร 6 คือ
1. บุคคลเห็นรูปทางตาแล้วครุ่นคิดถึงรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
2. บุคคลฟังเสียงทางหู ฯลฯ
3. บุคคลดมกลิ่นทางจมูก ฯลฯ
4. บุคคลลิ้มรสทางลิ้น ฯลฯ
เชิงอรรถ :
1 โสมนสฺเสน สทฺธึ อุปจรนฺตีติ โสมนสฺสุปวิจารา (อภิ.วิ.อ. 946/551)
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 6.ฉักกนิทเทส
5. บุคคลถูกต้องโผฏฐัพพะทางกาย ฯลฯ
6. บุคคลรู้ธรรมารมณ์ทางใจแล้วครุ่นคิดถึงธรรมารมณ์อันเป็นที่ตั้ง
แห่งโสมนัส
เหล่านี้ชื่อว่าโสมนัสสุปวิจาร 6 (8)
โทมนัสสุปวิจาร 6 เป็นไฉน
โทมนัสสุปวิจาร 6 คือ
1. บุคคลเห็นรูปทางตาแล้ว ครุ่นคิดถึงรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
2. บุคคลฟังเสียงทางหู ฯลฯ
3. บุคคลดมกลิ่นทางจมูก ฯลฯ
4. บุคคลลิ้มรสทางลิ้น ฯลฯ
5. บุคคลถูกต้องโผฏฐัพพะทางกาย ฯลฯ
6. บุคคลรู้ธรรมารมณ์ทางใจแล้ว ครุ่นคิดถึงธรรมารมณ์อันเป็น
ที่ตั้งแห่งโทมนัส
เหล่านี้ชื่อว่าโทมนัสสุปวิจาร 6 (9)
อุเปกขูปวิจาร 6 เป็นไฉน
อุเปกขูปวิจาร 6 คือ
1. บุคคลเห็นรูปทางตาแล้ว ครุ่นคิดถึงรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
2. บุคคลฟังเสียงทางหู ฯลฯ
3. บุคคลดมกลิ่นทางจมูก ฯลฯ
4. บุคคลลิ้มรสทางลิ้น ฯลฯ
5. บุคคลถูกต้องโผฏฐัพพะทางกาย ฯลฯ
6. บุคคลรู้ธรรมารมณ์ทางใจแล้วครุ่นคิดถึงธรรมารมณ์อันเป็น
ที่ตั้งแห่งอุเบกขา
เหล่านี้ชื่อว่าอุเปกขูปวิจาร 6
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 6.ฉักกนิทเทส
[947] เคหสิตโสมนัส1 6 เป็นไฉน
เคหสิตโสมนัส 6 คือ
1. ความสำราญทางใจ ความสุขทางใจ ความเสวยอารมณ์ที่
สำราญเป็นสุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยาเสวยอารมณ์ที่
สบายเป็นสุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัสที่อาศัยกามคุณในรูป
อันเป็นที่ชอบใจ
2. ความสำราญทางใจ ฯลฯ ในเสียงอันเป็นที่ชอบใจ
3. ความสำราญทางใจ ฯลฯ ในกลิ่นอันเป็นที่ชอบใจ
4. ความสำราญทางใจ ฯลฯ ในรสอันเป็นที่ชอบใจ
5. ความสำราญทางใจ ฯลฯ ในโผฏฐัพพะอันเป็นที่ชอบใจ
6. ความสำราญทางใจ ความสุขทางใจ ความเสวยอารมณ์
ที่สำราญเป็นสุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยาเสวยอารมณ์
ที่สำราญเป็นสุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัสที่อาศัยกามคุณใน
ธรรมารมณ์ อันเป็นที่ชอบใจ
เหล่านี้ชื่อว่าเคหสิตโสมนัส 6 (11)
เคหสิตโทมนัส2 6 เป็นไฉน
เคหสิตโทมนัส 6 คือ
1. ความไม่สำราญทางใจ ความทุกข์ทางใจ ความเสวยอารมณ์
ที่ไม่สำราญเป็นทุกข์ อันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยาที่เสวย
อารมณ์ที่ไม่สำราญเป็นทุกข์ อันเกิดแต่เจโตสัมผัสที่อาศัย
กามคุณในรูปอันไม่เป็นที่ชอบใจ
เชิงอรรถ :
1 โสมนัส หมายถึงสุขทางใจที่อาศัยกามคุณ 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (อภิ.วิ.อ. 947/551)
2 โทมนัสคือทุกข์ทางใจที่อาศัยกามคุณ 5 (อภิ.วิ.อ. 947/551)
พระอภิธรรมปิฎก วิภังค์ [17.ขุททกวัตถุวิภังค์] 6. ฉักกนิเทส
2. ความไม่สำราญทางใจ ฯลฯ ในเสียงอันไม่เป็นที่ชอบใจ
3. ความไม่สำราญทางใจ ฯลฯ ในกลิ่นอันไม่เป็นที่ชอบใจ
4. ความไม่สำราญทางใจ ฯลฯ ในรสอันไม่เป็นที่ชอบใจ
5. ความไม่สำราญทางใจ ฯลฯ ในโผฏฐัพพะอันไม่เป็นที่ชอบใจ
6. ความไม่สำราญทางใจ ความทุกข์ทางใจ ความเสวย
อารมณ์ที่ไม่สำราญเป็นทุกข์ อันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยา
ที่เสวยอารมณ์ที่ไม่สำราญเป็นทุกข์ อันเกิดแต่เจโตสัมผัสที่
อาศัยกามคุณในธรรมารมณ์อันไม่เป็นที่ชอบใจ
เหล่านี้ชื่อว่าเคหสิตโทมนัส 6 (12)
เคหสิตุเปกขา1 6 เป็นไฉน
เคหสิตุเปกขา 6 คือ
1. ความสำราญทางใจก็มิใช่ ความไม่สำราญทางใจก็มิใช่ ความ
เสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยาเสวย
อารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัสที่อาศัยกามคุณ
ในรูปอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
2. ความสำราญทางใจก็มิใช่ ฯลฯ ในเสียงอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
3. ความสำราญทางใจก็มิใช่ ฯลฯ ในกลิ่นอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
4. ความสำราญทางใจก็มิใช่ ฯลฯ ในรสอันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
5. ความสำราญทางใจก็มิใช่ ฯลฯ ในโผฏฐัพพะอันเป็นที่ตั้งแห่ง
อุเบกขา
6. ความสำราญทางใจก็มิใช่ ความไม่สำราญทางใจก็มิใช่ ความ
เสวยอารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัส กิริยาเสวย
อารมณ์ที่ไม่ทุกข์ไม่สุข อันเกิดแต่เจโตสัมผัสที่อาศัยกามคุณ
ในธรรมารมณ์อันเป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
เหล่านี้ชื่อว่าเคหสิตุเปกขา 6 (13)
เชิงอรรถ :
1 อุเปกขาเวทนาที่สัมปยุตด้วยความไม่รู้ ได้แก่ อัญญาณุเปกขาที่อาศัยกามคุณ 5 (อภิ.วิ.อ. 947/551)