พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 3.วัชชิสัตตกวรรค 10. วิปัตติสูตร
ไม่มีความเลื่อมใสยิ่งขึ้นในภิกษุทั้งหลาย
ปรารถนาฟังสัทธรรมอย่างคอยคิดโต้แย้ง
แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
และทำอุปการะนอกศาสนาก่อน
อุบาสกนั้นผู้เสพธรรม 7 ประการ
อันเป็นเหตุแห่งความเสื่อมที่เราแสดงดีแล้วนี้แล
ย่อมเสื่อมจากสัทธรรม
ส่วนอุบาสกใดไม่ละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุผู้อบรมตน
ไม่ทอดทิ้งการฟังอริยธรรม ศึกษาในอธิศีล
มีความเลื่อมใสยิ่งขึ้นในภิกษุทั้งหลาย
ปรารถนาฟังสัทธรรมอย่างไม่คอยคิดโต้แย้ง
ไม่แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
และทำอุปการะในศาสนานี้ก่อน
อุบาสกนั้นผู้เสพธรรม 7 ประการ
อันไม่เป็นเหตุแห่งความเสื่อมที่เราแสดงดีแล้วนี้แล
ย่อมไม่เสื่อมจากสัทธรรม
ทุติยปริหานิสูตรที่ 9 จบ
10. วิปัตติสูตร
ว่าด้วยวิบัติและสมบัติของอุบาสก
[30] ภิกษุทั้งหลาย วิบัติของอุบาสก 7 ประการนี้ ฯลฯ1
ภิกษุทั้งหลาย สมบัติของอุบาสก 7 ประการนี้ ฯลฯ
วิปัตติสูตรที่ 10 จบ
เชิงอรรถ :
1 เครื่องหมาย ฯลฯ ที่ปรากฏในข้อ 30-31 ดูความเต็มในข้อ 29 (ทุติยปริหานิสูตร) หน้า 44-45
ในเล่มนี้
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 3.วัชชิสัตตกวรรค 11.ปราภวสูตร
11. ปราภวสูตร
ว่าด้วยความเสื่อมและความเจริญของอุบาสก
[31] ภิกษุทั้งหลาย ความเสื่อมของอุบาสก 7 ประการนี้ ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญของอุบาสก 7 ประการนี้
ความเจริญของอุบาสก 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ไม่ละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุ
2. ไม่ทอดทิ้งการฟังสัทธรรม
3. ศึกษาในอธิศีล
4. มีความเลื่อมใสมากในภิกษุผู้เป็นเถระ ผู้เป็นนวกะ และผู้เป็นมัชฌิมะ
5. ฟังธรรมอย่างไม่คอยคิดโต้แย้งเพ่งโทษ
6. ไม่แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
7. ทำอุปการะในศาสนานี้ก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความเจริญของอุบาสก 7 ประการนี้แล
อุบาสกใดละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุผู้อบรมตน
ทอดทิ้งการฟังอริยธรรม ไม่ศึกษาในอธิศีล
ไม่มีความเลื่อมใสยิ่งขึ้นในภิกษุทั้งหลาย
ปรารถนาฟังสัทธรรมอย่างคอยคิดโต้แย้ง
แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
และทำอุปการะนอกศาสนาก่อน
อุบาสกนั้นผู้เสพธรรม 7 ประการ
อันเป็นเหตุแห่งความเสื่อมที่เราแสดงดีแล้วนี้แล
ย่อมเสื่อมจากสัทธรรม
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 3.วัชชิสัตตกวรรค รวมพระสูตรที่มีในวรรค
ส่วนอุบาสกใดไม่ละเลยการเยี่ยมเยียนภิกษุผู้อบรมตน
ไม่ทอดทิ้งการฟังอริยธรรม ศึกษาในอธิศีล
มีความเลื่อมใสยิ่งขึ้นในภิกษุทั้งหลาย
ปรารถนาฟังสัทธรรมอย่างไม่คอยคิดโต้แย้ง
ไม่แสวงหาผู้รับทักษิณานอกศาสนานี้
และทำอุปการะในศาสนานี้ก่อน
อุบาสกนั้นผู้เสพธรรม 7 ประการ
อันไม่เป็นเหตุแห่งความเสื่อมที่เราแสดงดีแล้วนี้แล
ย่อมไม่เสื่อมจากสัทธรรม
ปราภวสูตรที่ 11 จบ
วัชชิสัตตกวรรคที่ 3 จบ
รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ
1. สารันททสูตร 2. วัสสการสูตร
3. ปฐมสัตตกสูตร 4. ทุติยสัตตกสูตร
5. ตติยสัตตกสูตร 6. โพชฌังคสูตร
7. สัญญาสูตร 8. ปฐมปริหานิสูตร
9. ทุติยปริหานิสูตร 10. วิปัตติสูตร
11. ปราภวสูตร
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 4.เทวตาวรรค 1.อัปปมาทคารวสูตร
4. เทวตาวรรค
หมวดว่าด้วยเทวดา
1. อัปปมาทคารวสูตร
ว่าด้วยความเคารพในความไม่ประมาท
[32] ครั้งนั้น เมื่อราตรีผ่านไป1 เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก เปล่ง
รัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาท
แล้วยืนอยู่ ณ ที่สมควร ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา
2. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระธรรม
3. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระสงฆ์
4. ความเป็นผู้มีความเคารพในสิกขา
5. ความเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ
6. ความเป็นผู้มีความเคารพในความไม่ประมาท
7. ความเป็นผู้มีความเคารพในปฏิสันถาร2
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่
ภิกษุ
เชิงอรรถ :
1 ราตรีผ่านไป ในที่นี้หมายถึงปฐมยาม (ยามแรก) กำหนดเวลา 4 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 18 นาฬิกา ถึง 22
นาฬิกาแห่งราตรีผ่านไป กำลังอยู่ในช่วงมัชฌิมยาม (ยามท่ามกลาง) คือ กำลังอยู่ในช่วงเวลา 22 นาฬิกา
ถึง 2 นาฬิกาของวันใหม่ (องฺ.ฉกฺก.อ. 3/21-22/108) และดู องฺ.ฉกฺก. (แปล) 22/32/478
2 ปฏิสันถาร ในที่นี้หมายถึงการต้อนรับ มี 2 อย่าง คือ (1) อามิสปฏิสันถาร (การต้อนรับด้วยอามิส)
(2) ธัมมปฏิสันถาร (การต้อนรับด้วยธรรม) (องฺ.ทุก. (แปล) 20/153/123)
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 4.เทวตาวรรค 1.อัปปมาทคารวสูตร
เมื่อเทวดานั้นได้กราบทูลดังนี้แล้ว พระศาสดาทรงพอพระทัย ครั้นเทวดานั้นรู้
ว่า พระศาสดาทรงพอพระทัยเรา จึงถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณ1
แล้วหายไป ณ ที่นั้นแล
ครั้นคืนนั้นผ่านไป พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกภิกษุทั้งหลายมาตรัสว่า
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะงดงามยิ่งนัก
เปล่งรัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้เราแล้วยืนอยู่ ณ ที่
สมควร ได้กล่าวกับเราดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา
2. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระธรรม
3. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระสงฆ์
4. ความเป็นผู้มีความเคารพในสิกขา
5. ความเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ
6. ความเป็นผู้มีความเคารพในความไม่ประมาท
7. ความเป็นผู้มีความเคารพในปฏิสันถาร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่
ภิกษุ
ภิกษุทั้งหลาย เทวดานั้นครั้นกล่าวดังนี้แล้ว จึงไหว้เรา ทำประทักษิณแล้วหาย
ไป ณ ที่นั้นแล
เชิงอรรถ :
1 ทำประทักษิณ หมายถึงเดินเวียนขวาโดยการประนมมือเวียนไปทางขวาตามเข็มนาฬิกา 3 รอบ มีผู้ที่ตน
เคารพอยู่ทางขวา เสร็จแล้วหันหน้าไปทางผู้ที่ตนเคารพ เดินถอยหลังจนสุดสายตา จนมองไม่เห็นผู้ที่ตน
เคารพแล้วคุกเข่าลงกราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ (การกราบด้วยอวัยวะทั้ง 5 อย่าง ลงกับพื้น คือ กราบ
เอาเข่าทั้งสอง มือทั้งสอง และศีรษะ (หน้าผาก) จรดลงกับพื้น) แล้วลุกขึ้นเดินจากไป (วิ.อ. 1/15/176-
177)
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 4.เทวตาวรรค 2.หิรีคารวสูตร
ภิกษุมีความเคารพในศาสดา
มีความเคารพในธรรม
มีความเคารพอย่างแรงกล้าในสงฆ์
มีความเคารพในสมาธิ มีความเพียร
มีความเคารพอย่างแรงกล้าในสิกขา
มีความเคารพในความไม่ประมาท
มีความเคารพในปฏิสันถาร
เป็นผู้ไม่ควรเสื่อม ดำรงอยู่ใกล้นิพพานทีเดียว
อัปปมาทคารวสูตรที่ 1 จบ
2. หิรีคารวสูตร
ว่าด้วยความเคารพในหิริ
[33] ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาองค์หนึ่งมีวรรณะ
งดงามยิ่งนัก เปล่งรัศมีให้สว่างไปทั่วพระเชตวัน เข้ามาหาเราถึงที่อยู่ ไหว้แล้วยืนอยู่
ณ ที่สมควร ได้กล่าวกับเราดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา
2. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระธรรม
3. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระสงฆ์
4. ความเป็นผู้มีความเคารพในสิกขา
5. ความเป็นผู้มีความเคารพในสมาธิ
6. ความเป็นผู้มีความเคารพในหิริ (ความอายบาป)
7. ความเป็นผู้มีความเคารพในโอตตัปปะ (ความกลัวบาป)
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต 4.เทวตาวรรค 3.ปฐมโสวจัสสตาสูตร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่
ภิกษุ
ภิกษุทั้งหลาย เทวดานั้นครั้นกล่าวดังนี้แล้ว จึงไหว้เราทำประทักษิณแล้วหายไป
ณ ที่นั้นแล
ภิกษุมีความเคารพในศาสดา
มีความเคารพในธรรม
มีความเคารพอย่างแรงกล้าในสงฆ์
มีความเคารพในสมาธิ มีความเพียร
มีความเคารพอย่างแรงกล้าในสิกขา
ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตตัปปะ
มีความยำเกรง มีความเคารพ
เป็นผู้ไม่ควรเสื่อม ดำรงอยู่ใกล้นิพพานทีเดียว
หิรีคารวสูตรที่ 2 จบ
3. ปฐมโสวจัสสตาสูตร
ว่าด้วยความเป็นผู้ว่าง่าย สูตรที่ 1
[34] ภิกษุทั้งหลาย เมื่อคืนนี้ เมื่อราตรีผ่านไป เทวดาองค์หนึ่ง ฯลฯ1
ได้กล่าวกับเราดังนี้ว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ธรรม 7 ประการนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความไม่เสื่อมแก่ภิกษุ
ธรรม 7 ประการ อะไรบ้าง คือ
1. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระศาสดา
2. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระธรรม
3. ความเป็นผู้มีความเคารพในพระสงฆ์
เชิงอรรถ :
1 เครื่องหมาย ฯลฯ ในข้อ 34-35 ดูความเต็มในข้อ 32 (อัปปมาทคารวสูตร) หน้า 49 ในวรรคเดียวกันนี้