พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 233. รวมเรื่องที่มีในจีวรขันธกะ
233. รวมเรื่องที่มีในจีวรขันธกะ
จีวรขันธกะมี 96 เรื่อง คือ
เรื่องคณะกุฎุมพีชาวกรุงราชคฤห์พบหญิงงามเมือง
ชื่ออัมพปาลีในกรุงเวสาลีกลับมากรุงราชคฤห์แล้ว
กราบทูลเรื่องนั้นให้พระราชาทรงทราบ
เรื่องบุตรของหญิงงามเมืองชื่อสาลวดี ซึ่งต่อมาเป็นโอรส
ของเจ้าชายอภัย เพราะเหตุที่ยังมีชีวิต เจ้าชายจึงประทานชื่อว่าชีวก
เรื่องชีวกเดินทางไปกรุงตักกสิลา เรียนวิชาแพทย์สำเร็จ
เป็นหมอใหญ่ได้รักษาโรคปวดศีรษะของภรรยาเศรษฐีที่เป็น
เรื้อรังอยู่ 7 ปี จนหายด้วยการนัตถุ์ยาเพียงครั้งเดียว
เรื่องรักษาโรคริดสีดวงทวารของพระเจ้าพิมพิสารจอมทัพมคธรัฐ
เรื่องพระราชทานตำแหน่งหมอชีวกเป็นแพทย์หลวงประจำ
พระองค์ พระสนม นางกำนัลและอุปัฏฐากพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์
เรื่องรักษาเศรษฐีชาวกรุงราชคฤห์ผู้ป่วยเป็นโรคปวดศีรษะ
เรื่องรักษาโรคเนื้องอกในลำไส้ เรื่องรักษาโรคผอมเหลืองของ
พระเจ้าปัชโชตหายด้วยให้เสวยพระโอสถผสมเนยใส
เรื่องได้รับพระราชทานผ้าคู่สิไวยกะเป็นรางวัล เรื่องสรงพระกาย
ของพระผู้มีพระภาคซึ่งหมักหมมด้วยสิ่งเป็นโทษได้ชุ่มชื่น
เรื่องหมอชีวกทูลถวายพระโอสถ 30 ครั้ง โดยอบก้านอุบล
3 ก้านด้วยยา
เรื่องหมอชีวกกราบทูลขอพร เมื่อพระผู้มีพระภาคทรง
มีพระกายเป็นปกติแล้ว เรื่องทรงรับผ้าคู่สิไวยกะ
เรื่องทรงอนุญาตคหบดีจีวร
เรื่องจีวรเกิดขึ้นมากในกรุงราชคฤห์ เรื่องทรงอนุญาตผ้าปาวาร
ผ้าไหมและผ้าโกเชาว์ เรื่องผ้ากัมพลราคาครึ่งกาสิยะ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 233. รวมเรื่องที่มีในจีวรขันธกะ
เรื่องผ้าเนื้อดีเนื้อหยาบ พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญความสันโดษ
เรื่องภิกษุรอกันและไม่รอกัน เรื่องทายกนำจีวรกลับคืน
เรื่องสมมติเรือนคลัง เรื่องเจ้าหน้าที่รักษาผ้าในเรือนคลัง
เรื่องทรงห้ามย้ายเจ้าหน้าที่เรือนคลัง เรื่องจีวรเกิดขึ้นมาก
เรื่องส่งเสียงดังขณะแจกจีวร เรื่องวิธีแจกจีวร เรื่องวิธีให้ส่วนแบ่ง
เรื่องให้แลกส่วนของตน เรื่องให้ส่วนพิเศษ
เรื่องวิธีให้ส่วนจีวร เรื่องย้อมจีวรด้วยโคมัย เรื่องย้อมด้วยน้ำเย็น
เรื่องน้ำย้อมล้น เรื่องไม่รู้ว่าน้ำย้อมเดือดแล้วหรือยังไม่เดือด
เรื่องยกหม้อน้ำย้อมลง เรื่องไม่มีภาชนะสำหรับย้อม
เรื่องขยำจีวรในถาด เรื่องตากจีวรบนพื้น เรื่องปลวกกัดเครื่อง
รองทำด้วยหญ้า เรื่องแขวนจีวรพับกลาง เรื่องชายจีวรชำรุด
เรื่องน้ำย้อมหยดออกจากชายข้างเดียว
เรื่องจีวรแข็ง เรื่องจีวรหยาบกระด้าง
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ใช้จีวรที่ไม่ได้ตัด เรื่องตัดจีวรตามแบบคันนา
เรื่องทอดพระเนตรเห็นภิกษุแบกห่อจีวร เรื่องทรงอนุญาตไตรจีวร
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ทรงอติเรกจีวรชุดอื่นเข้าบ้าน
เรื่องอติเรกจีวรเกิดขึ้น เรื่องทรงอนุญาตผ้าปะเมื่ออันตรวาสกขาดทะลุ
เรื่องฝนตกพร้อมกัน 4 ทวีป เรื่องนางวิสาขาขอพร
เพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝน อาคันตุกภัต คมิกภัต คิลานภัต
คิลานุปัฏฐากภัต เภสัช ธุวยาคู และถวายผ้าอาบน้ำแก่ภิกษุณีสงฆ์
เรื่องภิกษุนอนหลับขาดสติสัมปชัญญะเพราะฉันโภชนะอันประณีต
เรื่องผ้าปูนั่งผืนเล็กเกินไป
เรื่องฝีดาษ เรื่องทรงอนุญาตผ้าเช็ดปาก
เรื่องทรงอนุญาตให้ถือวิสาสะผ้าเปลือกไม้ เรื่องไตรจีวรบริบูรณ์
เรื่องอธิษฐาน เรื่องจีวรมีขนาดเพียงไรจึงต้องวิกัป
เรื่องอุตตราสงค์ที่ทำเป็นผ้าบังสุกุลหนัก เรื่องชายสังฆาฏิไม่เสมอกัน
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 233. รวมเรื่องที่มีในจีวรขันธกะ
เรื่องด้ายหลุดลุ่ย เรื่องแผ่นสังฆาฏิบลุ่ยออก เรื่องผ้าไม่พอ
เรื่องผ้าเพลาะ เรื่องจีวรเกิดขึ้นมาก เรื่องเก็บจีวรไว้ในวิหารอันธวัน
เรื่องท่านพระอานนท์เผลอสติ เรื่องภิกษุรูปเดียวจำพรรษา
เรื่องภิกษุอยู่รูปเดียวตลอดฤดูกาล
เรื่องพระเถระสองพี่น้อง เรื่องภิกษุ 3 รูปจำพรรษาในกรุงราชคฤห์
เรื่องพระอุปนันทะจำพรรษาแล้วไปอาวาสใกล้บ้าน
เรื่องพระอุปนันทะจำพรรษาในอาวาส 2 แห่ง
เรื่องภิกษุอาพาธเป็นโรคท้องร่วง
เรื่องคนไข้ที่พยาบาลได้ง่ายและพยาบาลได้ยาก
เรื่องภิกษุและสามเณรเป็นไข้
เรื่องภิกษุเปลือยกาย เรื่องภิกษุนุ่งผ้าคากรอง ผ้าเปลือกไม้
ผ้าผลไม้ ผ้าทอด้วยผมคน ผ้าทอด้วยขนสัตว์ ผ้าทอด้วยปีกนกเค้า
หนังเสือ
เรื่องภิกษุนุ่งผ้าทำด้วยก้านดอกรัก ผ้าเปลือกปอ
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ห่มจีวรสีเขียวห่มจีวรสีเหลือง ห่มจีวรสีแดง
ห่มจีวรสีบานเย็น ห่มจีวรสีดำ ห่มจีวรสีแสด หดจีวรสีชมพู
ห่มจีวรไม่ตัดชาย ห่มจีวรชายยาว ห่มจีวรมีชายลายดอกไม้
ห่มจีวรชายเป็นแผ่นสวมเสื้อ สวมหมวก โพกผ้า
เรื่องจีวรยังไม่เกิดขึ้นภิกษุหลีกไป เรื่องสงฆ์แตกกัน
เรื่องทายกถวายน้ำแก่สงฆ์ฝ่ายหนึ่ง ถวายจีวรแก่สงฆ์อีกฝ่ายหนึ่ง
เรื่องพระเรวตะฝากจีวร เรื่องการถือเอาของฝากโดยถือวิสาสะ
และการอธิษฐานเป็นจีวรมรดก เรื่องมาติกาของจีวร 8 ข้อ
จีวรขันธกะ จบ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 234. กัสสปโคตตภิกขุวัตถุ
9. จัมเปยยขันธกะ
234. กัสสปโคตตภิกขุวัตถุ
ว่าด้วยพระกัสสปโคตร
เรื่องพระกัสสปโคตรผู้อยู่ประจำในอาวาส ณ วาสภคาม
[380] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา เขต
กรุงจัมปา ครั้งนั้น ในแคว้นกาสี มีหมู่บ้านชื่อวาสภคาม ภิกษุชื่อกัสสปโคตรอยู่ประจำ
ในอาวาสในที่นั้น ฝักใฝ่กังวลอยู่ ขวนขวายอยู่ว่า ด้วยวิธีใดหนอ ภิกษุผู้มีศีลดีงาม
ที่ยังไม่มาพึงมา และภิกษุผู้มีศีลดีงามที่มาแล้วพึงอยู่เป็นผาสุก และอาวาสนี้จะเจริญ
งอกงามไพบูลย์ได้
สมัยนั้น ภิกษุจำนวนหลายรูปเที่ยวจาริกไปในแคว้นกาสี จนถึงวาสภคาม ภิกษุ
กัสสปโคตรได้เห็นภิกษุเหล่านั้นเดินมาแต่ไกล จึงปูอาสนะ ตั้งน้ำล้างเท้า ตั่งรองเท้า
กระเบื้องเช็ดเท้า ลุกไปรับบาตรและจีวร ต้อนรับด้วยน้ำดื่ม จัดแจงน้ำสรง แม้
ข้าวต้ม ของเคี้ยว ภัตตาหารก็จัดแจงให้
ครั้งนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้นได้ปรึกษากันดังนี้ว่า ท่านทั้งหลาย ภิกษุ
อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ดีจริง ได้จัดแจงน้ำสรง แม้ข้าวต้ม ของเคี้ยว ภัตตาหาร
ก็จัดแจงให้ เอาเถอะพวกเราพักอยู่ในวาสภคามนี้แหละ ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้น
ได้พักอยู่ในวาสภคามนั้นเอง
ต่อมา ภิกษุกัสสปโคตรได้มีความคิดดังนี้ว่า ภิกษุอาคันตุกะเหล่านี้ไม่ต้อง
ลำบากในฐานะที่เป็นพระอาคันตุกะ เวลานี้ภิกษุอาคันตุกะเหล่านี้ที่ไม่ชำนาญทางโคจร1
ก็ชำนาญแล้ว การทำความจัดแจงในตระกูลคนอื่นจนตลอดชีวิตทำได้ยาก อนึ่ง
เชิงอรรถ :
1 ทางโคจร หมายถึงหนทางที่จะไปบิณฑบาต สถานที่เที่ยวไปเพื่อก้อนข้าว (วิ.อ. 3/357/393)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [9. จัมเปยยขันธกะ] 234. กัสสปโคตตภิกขุวัตถุ
การออกปากขอย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของคนทั้งหลาย อย่ากระนั้นเลย เราไม่พึงจัดแจง
ข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหาร แล้วเลิกจัดแจงข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหาร
ลำดับนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้นปรึกษากันว่า ท่านทั้งหลาย เมื่อก่อนนี้
ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้จัดแจงน้ำสรง แม้ข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหารก็จัดแจงให้
เวลานี้ ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ไม่จัดแจงข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหารแล้ว ท่าน
ทั้งหลาย บัดนี้ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ไม่ดีเสียแล้ว เอาเถอะพวกเราจงลง
อุกเขปนียกรรมภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ออกไป ครั้งนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้น
ประชุมกัน ได้กล่าวกะภิกษุกัสสปโคตรนั้นดังนี้ว่า ท่าน เมื่อก่อน ท่านจัดแจง
น้ำสรง แม้ข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหารก็จัดให้ เวลานี้ไม่จัดแจงข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหาร
เสียแล้ว ท่านต้องอาบัติแล้ว ท่านเห็นอาบัตินั้นไหม
ภิกษุกัสสปโคตรกล่าวว่า ท่านทั้งหลาย ผมไม่มีอาบัติที่พึงเห็น
ครั้งนั้น พวกภิกษุอาคันตุกะได้ลงอุกเขปนียกรรมภิกษุกัสสปโคตร เพราะการ
ไม่เห็นว่าเป็นอาบัติ
ลำดับนั้น ภิกษุกัสสปโคตรได้มีความคิดดังนี้ว่า เราไม่รู้เรื่องนี้ว่า นั่นเป็นอาบัติ
หรือไม่เป็นอาบัติ เราต้องอาบัติหรือไม่ต้องอาบัติ เราถูกลงอุกเขปนียกรรม หรือ
ไม่ถูกลงอุกเขปนียกรรม ด้วยกรรมที่ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม ถูกต้องหรือไม่
ถูกต้อง ควรแก่เหตุหรือไม่ควรแก่เหตุ อย่ากระนั้นเลย เราพึงเดินทางไปกรุงจัมปา
แล้วกราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเกี่ยวกับเรื่องนั้น
ครั้งนั้น ภิกษุกัสสปโคตรเก็บเสนาสนะถือบาตรและจีวร เดินทางไปกรุงจัมปา
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ณ ที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่งลง
ณ ที่สมควร
พุทธประเพณี
การที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายทรงปราศรัยกับภิกษุอาคันตุกะทั้งหลาย
นั่นเป็นพุทธประเพณี
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [9. จัมเปยยขันธกะ] 234. กัสสปโคตตภิกขุวัตถุ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสถามภิกษุกัสสปโคตรดังนี้ว่า ภิกษุ เธอยัง
สบายดีหรือ ยังพอเป็นอยู่ได้หรือ เธอเดินทางไกลมาไม่ลำบากหรือ เธอมาจาก
ที่ไหน
ภิกษุกัสสปโคตรกราบทูลว่า ยังสบายดี พระพุทธเจ้าข้า ยังพอเป็นอยู่ได้
พระพุทธเจ้าข้า และข้าพระองค์เดินทางไกลมาไม่ลำบาก พระพุทธเจ้าข้า ในชนบท
แคว้นกาสีมีหมู่บ้านชื่อวาสภะ ข้าพระองค์อยู่ประจำในอาวาสในที่นั้น ฝักใฝ่ในการ
ก่อสร้าง ขวนขวายอยู่ว่า ด้วยวิธีใดหนอ ภิกษุผู้มีศีลดีงามที่ยังไม่มาพึงมา และ
ภิกษุผู้มีศีลดีงามที่มาแล้วพึงอยู่เป็นผาสุก และอาวาสนี้จะเจริญงอกงามไพบูลย์ได้
พระพุทธเจ้าข้า ต่อมา ภิกษุจำนวนหลายรูปเที่ยวจาริกไปในแคว้นกาสี จนถึง
วาสภคาม ข้าพระองค์ได้เห็นภิกษุเหล่านั้นเดินมาแต่ไกล จึงปูอาสนะ ตั้งน้ำล้างเท้า
ตั่งรองเท้า กระเบื้องเช็ดเท้า ลุกไปรับบาตรและจีวร ต้อนรับด้วยน้ำดื่ม จัดแจงน้ำสรง
แม้ข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหารก็จัดแจงให้
พระพุทธเจ้าข้า ครั้งนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้นได้ปรึกษากันดังนี้ว่า ท่าน
ทั้งหลาย ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ดีจริง ได้จัดแจงน้ำสรง แม้ข้าวต้มของเคี้ยว
ภัตตาหารก็จัดแจงให้ เอาเถอะพวกเราพักอยู่ในวาสภคามนี้แหละ ภิกษุอาคันตุกะ
เหล่านั้นได้พักอยู่ในวาสภคามนั้นเอง
พระพุทธเจ้าข้า ต่อมา ข้าพระองค์ได้มีความคิดดังนี้ว่า ภิกษุอาคันตุกะ
เหล่านี้ไม่ต้องลำบากในฐานะที่เป็นพระอาคันตุกะ เวลานี้ภิกษุอาคันตุกะเหล่านี้ที่ไม่
ชำนาญทางโคจรก็ชำนาญแล้ว การทำความจัดแจงในตระกูลคนอื่นจนตลอดชีวิตทำ
ได้ยาก อนึ่ง การออกปากขอย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของคนทั้งหลาย อย่ากระนั้นเลย
เราไม่พึงจัดแจงข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหาร แล้วเลิกจัดแจงข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหาร
พระพุทธเจ้าข้า ลำดับนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้นปรึกษากันว่า ท่านทั้งหลาย
เมื่อก่อนนี้ ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้จัดแจงน้ำสรง แม้ข้าวต้มของเคี้ยวภัตตา
หารก็จัดแจงให้ เวลานี้ ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ไม่จัดแจงข้าวต้ม ของเคี้ยว
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [9. จัมเปยยขันธกะ] 234. กัสสปโคตตภิกขุวัตถุ
ภัตตาหารแล้ว ท่านทั้งหลาย บัดนี้ ภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ ไม่ดีเสียแล้ว
เอาเถอะ พวกเราจงลงอุกเขปนียกรรมภิกษุที่อยู่ประจำในอาวาสรูปนี้ออกไป
พระพุทธเจ้าข้า ครั้งนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้นประชุมกัน ได้กล่าวกับ
ข้าพระองค์ดังนี้ว่า ท่าน เมื่อก่อนท่านจัดแจงน้ำสรง แม้ข้าวต้ม ของเคี้ยว ภัตตาหาร
ก็จัดแจงให้ เวลานี้ไม่จัดแจงข้าวต้มของเคี้ยวภัตตาหารเสียแล้ว ท่านต้องอาบัติแล้ว
ท่านเห็นอาบัตินั้นไหม
ข้าพระองค์กล่าวว่า ท่านทั้งหลาย ผมไม่มีอาบัติที่พึงเห็น
พระพุทธเจ้าข้า ครั้งนั้น พวกภิกษุอาคันตุกะได้ลงอุกเขปนียกรรมข้าพระองค์
เพราะการไม่เห็นว่าเป็นอาบัติ
ข้าพระองค์ได้มีความคิดดังนี้ว่า เราไม่รู้เรื่องนี้ว่า นั่นเป็นอาบัติหรือไม่เป็นอาบัติ
เราต้องอาบัติหรือไม่ต้องอาบัติ เราถูกลงอุกเขปนียกรรมหรือไม่ถูกลงอุกเขปนียกรรม
ด้วยกรรมที่ชอบธรรมหรือไม่ชอบธรรม ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ควรแก่เหตุหรือไม่ควร
แก่เหตุ อย่ากระนั้นเลย เราพึงเดินทางไปกรุงจัมปาแล้วกราบทูลถามพระผู้มีพระภาค
เกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเดินทางมาจากวาสภคามนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุ นั่นไม่เป็นอาบัติ นั่นเป็นอาบัติหามิได้ เธอ
ไม่ต้องอาบัติ เธอต้องอาบัติหามิได้ เธอไม่ถูกลงอุกเขปนียกรรม เธอถูกลงอุกเขปนีย
กรรมหามิได้ เธอถูกลงอุกเขปนียกรรมด้วยกรรมที่ไม่ชอบธรรม ไม่ถูกต้อง ไม่ควร
แก่เหตุ เธอจงไปอยู่ในวาสภคามนั่นแหละ
ภิกษุกัสสปโคตรทูลรับสนองพระพุทธดำรัสแล้วลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาท
พระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วกลับไปสู่วาสภคาม
[381] ครั้งนั้น ภิกษุอาคันตุกะเหล่านั้นมีความกังวลใจ มีความเดือดร้อน
ใจปรึกษากันว่า ไม่ใช่ลาภของพวกเรา พวกเราไม่มีลาภหนอ พวกเราได้ชั่วแล้วหนอ
พวกเราได้ไม่ดีแล้วหนอ ที่ลงอุกเขปนียกรรมภิกษุผู้บริสุทธิ์ ผู้ไม่ต้องอาบัติ เพราะ