พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 219. วิสาขาวัตถุ
[351] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์อะไรจึงขอพร
8 ประการกับตถาคต
นางวิสาขามิคารมาตากราบทูลว่า พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุทั้งหลายในพระ
ธรรมวินัยนี้จำพรรษาในทิศต่าง ๆ แล้วจะเดินทางมากรุงสาวัตถีเพื่อเฝ้าพระผู้มี
พระภาค ภิกษุเหล่านั้นจะเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคทูลถามว่า พระพุทธเจ้าข้า ภิกษุ
ชื่อนี้มรณภาพแล้ว เธอมีคติอย่างไร มีภพหน้าอย่างไร พระผู้มีพระภาค
จะทรงพยากรณ์ภิกษุนั้นในโสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล
หม่อมฉันจะเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นแล้วถามว่า พระคุณเจ้ารูปนั้นเคยมากรุงสาวัตถี
ไหมเจ้าข้า ถ้าภิกษุเหล่านั้นตอบหม่อมฉันว่า ภิกษุนั้นเคยมากรุงสาวัตถี ใน
เรื่องนี้หม่อมฉันจะสันนิษฐานได้ว่า พระคุณเจ้านั้นคงใช้ผ้าวัสสิกสาฎก คงฉัน
อาคันตุกภัต คมิกภัต คิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช หรือธุวยาคู
ของหม่อมฉันเป็นแน่ เมื่อหม่อมฉันระลึกถึงบุญกุศลนั้นก็จะเกิดความปลื้มใจ เมื่อ
หม่อมฉันปลื้มใจก็จะเกิดอิ่มใจ เมื่ออิ่มใจ กายจะสงบ หม่อมฉันมีกายสงบ
จะมีความสุข จิตของผู้มีความสุขจะตั้งมั่น หม่อมฉันจะได้อบรมอินทรีย์ พละ และ
โพชฌงค์ หม่อมฉันเห็นอานิสงส์นี้จึงกราบทูลขอพร 8 ประการกับพระตถาคต
พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดีละ ดีละ วิสาขา เป็นการดีแล้วที่เธอเห็นอานิสงส์
นี้จึงขอพร 8 ประการกับตถาคต วิสาขา เราอนุญาตพร 8 ประการแก่เธอ
คาถาอนุโมทนา
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงอนุโมทนานางวิสาขามิคารมาตาด้วยพระคาถา
เหล่านี้ว่า
สตรีใดเมื่อให้ข้าวและน้ำก็เบิกบานใจ
มีศีล เป็นสาวิกาของพระสุคต
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 220. นิสีทนาทิอนุชานนา
ครอบงำความตระหนี่ ให้ทานซึ่งเป็นหนทางสวรรค์
เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำสุขมาให้
สตรีนั้นอาศัยหนทางที่ไม่มีธุลี ไม่มีกิเลสยวนใจ
ย่อมได้กำลังและอายุทิพย์ เธอผู้ประสงค์บุญ มีความสุข
มีพลานามัย ย่อมปลื้มใจในชาวสวรรค์ตลอดกาลนาน
[352] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงอนุโมทนาต่อนางวิสาขามิคารมาตาด้วย
พระคาถาเหล่านี้แล้ว เสด็จลุกจากอาสนะแล้วเสด็จกลับ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ รับสั่งกับ
ภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าวัสสิกสาฎก อาคันตุกภัต
คมิกภัต คิลานภัต คิลานุปัฏฐากภัต คิลานเภสัช ธุวยาคู และผ้าอาบน้ำ
สำหรับภิกษุณีสงฆ์
วิสาขาภาณวาร จบ
220. นิสีทนาทิอนุชานนา
ว่าด้วยทรงอนุญาตผ้ารองนั่งเป็นต้น
เรื่องภิกษุนอนหลับขาดสติสัมปชัญญะ
[353] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายฉันอาหารอันประณีต จำวัดหลับขาดสติ
สัมปชัญญะ เมื่อพวกเธอจำวัดหลับขาดสติสัมปชัญญะ น้ำอสุจิออกมาเพราะความ
ฝัน เสนาสนะ เปรอะเปื้อนน้ำอสุจิ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงมีท่านพระอานนท์ตามเสด็จ เสด็จจาริกไปตาม
เสนาสนะได้ทอดพระเนตรเห็นเสนาสนะเปรอะเปื้อนน้ำอสุจิ จึงตรัสถามท่านพระ
อานนท์ว่า อานนท์ เสนาสนะนั่นเปรอะเปื้อนอะไร
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 220. นิสีทนาทิอนุชานนา
ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า เวลานี้ ภิกษุฉันอาหารอย่างดี จำวัดหลับขาด
สติสัมปชัญญะ เมื่อพวกภิกษุเหล่านั้นจำวัดหลับขาดสติสัมปชัญญะ น้ำอสุจิออกมา
เพราะความฝัน เสนาสนะนี้จึงเปรอะเปื้อนน้ำอสุจิ พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า อย่างนั้นแหละ อานนท์ อย่างนั้นแหละ อานนท์
เพราะเมื่อภิกษุเหล่านั้นจำวัดหลับขาดสติสัมปชัญญะ น้ำอสุจิย่อมออกมาเพราะความ
ฝัน อานนท์ น้ำอสุจิของภิกษุผู้จำวัดหลับมีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ ย่อมไม่ออกมา
อานนท์ น้ำอสุจิแม้ของปุถุชนผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม1 ย่อมไม่ออกมา อานนท์
ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ใช่โอกาสที่น้ำอสุจิของพระอรหันต์จะออกมา
ต่อมา พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ รับสั่งกับ
ภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย วันนี้ เรามีอานนท์เดินตามหลัง เที่ยวจาริกไป
ตามเสนาสนะได้เห็นเสนาสนะเปรอะเปื้อนน้ำอสุจิจึงถามอานนท์ว่า อานนท์ เสนาสนะ
นั่นเปรอะเปื้อนอะไร อานนท์ตอบว่า เวลานี้ ภิกษุฉันอาหารอย่างดี จำวัดหลับ
ขาดสติสัมปชัญญะ เมื่อพวกภิกษุเหล่านั้นจำวัดหลับขาดสติสัมปชัญญะ น้ำอสุจิ
ออกมาเพราะความฝัน เสนาสนะเปรอะเปื้อนน้ำอสุจิ เรากล่าวรับรองว่า อย่างนั้น
แหละ อานนท์ อย่างนั้นแหละ อานนท์ เพราะเมื่อภิกษุเหล่านั้นจำวัดหลับขาด
สติสัมปชัญญะ อานนท์ น้ำอสุจิย่อมออกมาเพราะความฝัน น้ำอสุจิของภิกษุผู้จำ
วัดหลับมีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ ย่อมไม่ออกมา อานนท์ น้ำอสุจิแม้ของปุถุชนผู้
ปราศจากความกำหนัดในกามย่อมไม่ออกมา อานนท์ ย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่
ใช่โอกาสที่น้ำอสุจิของพระอรหันต์จะออกมา
นอนหลับขาดสติสัมปชัญญะมีโทษ 5 อย่าง
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่จำวัดหลับขาดสติสัมปชัญญะ มีโทษ 5 อย่าง คือ
1. หลับเป็นทุกข์ 2. ตื่นเป็นทุกข์
เชิงอรรถ :
1 ปุถุชนผู้ปราศจากความกำหนัดในกาม คือ ผู้มีปกติได้ฌาน (วิ.อ. 3/353/218)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 220. นิสีทนาทิอนุชานนา
3. เห็นความฝันเลวทราม 4. เทวดาไม่รักษา
5. น้ำอสุจิเคลื่อน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่จำวัดหลับขาดสติสัมปชัญญะ มีโทษ 5 อย่างนี้แล
นอนหลับมีสติสัมปชัญญะ มีอานิสงส์ 5 อย่าง
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่จำวัดหลับมีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ มีอานิสงส์ 5
อย่าง คือ
1. หลับเป็นสุข 2. ตื่นเป็นสุข
3. ไม่เห็นความฝันเลวทราม 4. เทวดารักษา
5. น้ำอสุจิไม่เคลื่อน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่จำวัดหลับมีสติตั้งมั่น มีสัมปชัญญะ มีอานิสงส์ 5
อย่างนี้แล
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้ารองนั่งเพื่อรักษากาย รักษาจีวร รักษาเสนาสนะ
เรื่องผ้าปูนั่งผืนเล็กเกินไป
สมัยนั้น ผ้ารองนั่งมีขนาดเล็กเกินไป ป้องกันเสนาสนะได้ไม่หมด
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ทำผ้าปูนอนใหญ่ได้
ตามที่ภิกษุต้องการ
เรื่องฝีดาษ
[354] สมัยนั้น ท่านพระเพลัฏฐสีสะผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านพระอานนท์
อาพาธเป็นโรคฝีดาษ ผ้านุ่งห่มเกรอะกรังติดตัวเพราะน้ำเหลือง พวกภิกษุเอาน้ำ
ชุบผ้าเหล่านั้นแล้วค่อย ๆ ดึงออกมา
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 220. นิสีทนาทิอนุชานนา
พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปตามเสนาสนะ ได้ทอดพระเนตรเห็นภิกษุเหล่านั้น
กำลังเอาน้ำชุบผ้าแล้วค่อย ๆ ดึงออก จึงเสด็จเข้าไปหาภิกษุเหล่านั้นตรัสดังนี้ว่า
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้อาพาธเป็นโรคอะไร
พวกภิกษุกราบทูลว่า อาพาธเป็นโรคฝีดาษ ผ้านุ่งห่มเกรอะกรังที่ตัวเพราะ
น้ำเหลือง พวกข้าพระองค์เอาน้ำชุบผ้าเหล่านั้นแล้วค่อย ๆ ดึงออก พระพุทธเจ้าข้า
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ รับสั่ง
กับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าปิดฝีแก่ภิกษุอาพาธที่เป็นหิด
ตุ่มพุพองหรือฝีดาษ
เรื่องทรงอนุญาตผ้าเช็ดปาก
[355] ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมาตาถือผ้าเช็ดปาก เข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาค ณ ที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่งอยู่ ณ ที่สมควร ได้
กราบทูลดังนี้ว่า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดรับผ้าเช็ดปากของหม่อมฉัน เพื่อเกื้อกูล
เพื่อความสุขตลอดกาลนานเถิด พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคทรงรับผ้าเช็ดปากแล้วทรงชี้แจงให้นางวิสาขามิคารมาตาเห็นชัด
ชวนให้อยากรับไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริง
ด้วยธรรมีกถา
ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมาตาผู้ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ชี้แจงให้เห็นชัด ชวนให้
อยากรับไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วย
ธรรมีกถา จึงได้ลุกจากอาสนะ ทำประทักษิณแล้วจากไป
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ รับสั่ง
กับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าเช็ดปาก
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 221. ปัจฏิมวิกัปปนุปคจีวราทิกถา
เรื่องทรงอนุญาตให้ถือวิสาสะผ้าเปลือกไม้
[356] สมัยนั้น มัลลกษัตริย์ชื่อโรชะ เป็นสหายของท่านพระอานนท์
มัลลกษัตริย์โรชะนั้นฝากผ้าเปลือกไม้เก่าไว้กับท่านพระอานนท์ ท่านพระอานนท์
เองก็มีความต้องการผ้าเปลือกไม้เก่า
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ผู้ประกอบด้วย
คุณสมบัติ 5 อย่างถือวิสาสะได้ คือ
1. เคยเห็นกันมา 2. เคยคบกันมา
3. เคยบอกอนุญาตไว้ 4. เขายังมีชีวิตอยู่
5. รู้ว่า เมื่อเราถือเอาแล้ว เขา(ผู้เป็นเจ้าของ)จะพอใจ
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ผู้ประกอบด้วยคุณสมบัติ 5 อย่างนี้ถือวิสาสะ
กันได้
เรื่องไตรจีวรบริบูรณ์
[357] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายมีไตรจีวรบริบูรณ์ แต่ยังต้องการผ้ากรอง
น้ำบ้าง ถุงบ้าง
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าบริขาร
221. ปัจฉิมวิกัปปนุปคจีวราทิกถา
ว่าด้วยผ้าที่ต้องวิกัปเป็นอย่างต่ำเป็นต้น
เรื่องอธิษฐาน
[358] ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายได้ปรึกษากันดังนี้ว่า ผ้าที่พระผู้มีพระภาค
ทรงอนุญาต คือไตรจีวร ผ้าอาบน้ำฝน ผ้าปูนั่ง ผ้าปูนอน ผ้าปิดฝี ผ้าเช็ดปาก
หรือผ้าบริขาร ต้องอธิษฐานทั้งหมดหรือ หรือว่าต้องวิกัป
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 221. ปัจฏิมวิกัปปนุปคจีวราทิกถา
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้อธิษฐานผ้าไตรจีวร
ไม่ใช่ให้วิกัป ให้อธิษฐาน ผ้าอาบน้ำฝนตลอด 4 เดือนในฤดูฝน พ้นเขตนั้นให้วิกัปไว้
ให้อธิษฐานผ้าปูนั่ง ไม่ใช่ให้วิกัป ให้อธิษฐานผ้าปูนอน ไม่ใช่ให้วิกัป ให้อธิฐานผ้า
ปิดฝีตลอดเวลาที่อาพาธ พ้นจากนั้นให้วิกัปไว้ ให้อธิษฐานผ้าเช็ดปาก ไม่ใช่ให้วิกัป
ให้อธิษฐานผ้าบริขาร ไม่ใช่ให้วิกัป
เรื่องจีวรมีขนาดเพียงไรจึงต้องวิกัป
สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายได้มีความคิดดังนี้ว่า จีวรมีขนาดเพียงไรเป็นอย่างต่ำ
พึงวิกัป
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้วิกัปจีวรมีขนาดยาว
8 นิ้ว กว้าง 4 นิ้ว โดยนิ้วสุคตเป็นอย่างต่ำ
เรื่องอุตตราสงค์ที่ทำจากผ้าบังสุกุลหนัก
[359] สมัยนั้น อุตตราสงค์ที่ทำจากผ้าบังสุกุลของท่านพระมหากัสสปะหนัก
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เย็บดามด้วยด้าย
เรื่องชายสังฆาฏิไม่เสมอกัน
สังฆาฏิมีชายไม่เสมอกัน
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้รื้อชายที่ไม่เท่ากัน
ออก
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 221. ปัจฏิมวิกัปปนุปคจีวราทิกถา
เรื่องด้ายหลุดลุ่ย
ด้ายหลุดลุ่ย ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ติดผ้าอนุวาตหุ้มขอบ
เรื่องแผ่นสังฆาฏิลุ่ยออก
สมัยนั้น แผ่นสังฆาฏิลุ่ยออก ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มี
พระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เย็บตะเข็บดังตา
หมากรุก
เรื่องผ้าไม่พอ
[360] สมัยนั้น เมื่อสงฆ์กำลังทำไตรจีวรให้ภิกษุรูปหนึ่ง ผ้าตัดทั้งหมดไม่พอ
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าที่ต้องตัด 2 ผืน
ไม่ตัด 1 ผืน
ผ้าที่ตัด 2 ผืน ที่ไม่ตัด 1 ผืน ผ้าก็ยังไม่พอ
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตผ้าที่ไม่ตัด 2 ผืน
ตัด 1 ผืน
เรื่องผ้าเพลาะ
ผ้าที่ไม่ตัด 2 ผืน ที่ตัด 1 ผืน ผ้าก็ยังไม่พอ
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ติดผ้าเพลาะ ภิกษุ
ทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุไม่พึงใช้ผ้าที่ไม่ได้ตัดทั้งหมด รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 221. ปัจฏิมวิกัปปนุปคจีวราทิกถา
ทรงอนุญาตให้ให้ผ้าแก่โยมมารดาบิดาได้
เรื่องจีวรเกิดขึ้นมาก
[361] สมัยนั้น จีวรเกิดขึ้นแก่ภิกษุรูปหนึ่งหลายผืน และภิกษุนั้นประสงค์
จะให้ผ้านั้นแก่มารดาบิดา
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อภิกษุให้ด้วยกล่าวว่า เป็น
มารดาบิดา เราจะว่าอะไร ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ให้แก่มารดาบิดา แต่ภิกษุ
ไม่พึงทำสัทธาไทย(ของที่ให้ด้วยศรัทธา)ให้ตกไป รูปใดทำให้ตกไป ต้องอาบัติทุกกฏ
เรื่องเก็บจีวรไว้ในวิหารอันธวัน
[362] สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเก็บจีวร(สังฆาฏิ)ไว้ในป่าอันธวัน ครองอุตตรา-
สงค์กับอันตรวาสกเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน พวกโจรลักจีวร(สังฆาฏิ)นั้นไป ภิกษุ
นั้นจึงใช้ผ้าเก่า ครองจีวรเศร้าหมอง
พวกภิกษุกล่าวอย่างนี้ว่า ท่าน ทำไมท่านจึงใช้ผ้าเก่าครองจีวรเศร้าหมองเล่า
ภิกษุรูปนั้นตอบว่า ท่านทั้งหลาย ผมเก็บจีวร(สังฆาฏิ)ไว้ในป่าอันธวันแห่งนี้
แล้วครองอุตตราสงค์กับอันตรวาสกเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน พวกโจรลักจีวร(สังฆาฏิ)
นั้นไป เพราะเหตุนั้น ผมจึงใช้ผ้าเก่า ครองจีวรเศร้าหมอง
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีแต่อุตตราสงค์กับอันตรวาสก
ไม่พึงเข้าหมู่บ้าน รูปใดเข้าไป ต้องอาบัติทุกกฏ
เรื่องท่านพระอานนท์เผลอสติ
สมัยนั้น ท่านพระอานนท์เผลอสติ ครองอุตตราสงค์กับอันตรวาสกเข้าไป
บิณฑบาตในหมู่บ้าน
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 221. ปัจฏิมวิกัปปนุปคจีวราทิกถา
พวกภิกษุได้กล่าวกับท่านพระอานนท์ดังนี้ว่า ท่านอานนท์ พระผู้มีพระภาค
ทรงบัญญัติห้ามไว้มิใช่หรือว่า ภิกษุมีแต่อุตตราสงค์กับอันตรวาสกไม่พึงเข้าหมู่บ้าน
ทำไม่ท่านจึงมีเพียงอุตตราสงค์กับอันตรวาสกเข้าหมู่บ้านเล่า
ท่านพระอานนท์ตอบว่า ใช่ขอรับ พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามไว้แล้ว
ว่า ภิกษุมีแต่อุตตราสงค์กับอันตรวาสกไม่พึงเข้าหมู่บ้าน แต่ผมเข้าหมู่บ้านเพราะ
เผลอสติ
ภิกษุทั้งหลายจึงได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ รับสั่ง
กับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บสังฆาฏิ มี 5 อย่าง คือ
1. เป็นไข้ 2. เป็นฤดูที่หมายรู้ว่าฝนจะตก1
3. ไปสู่ฝั่งแม่น้ำ 4. วิหารมีกุญแจคุมแน่นหนา
5. ได้กรานกฐินแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บสังฆาฏิ มี 5 อย่างนี้แล
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บอุตตราสงค์ มี 5 อย่าง คือ
1. เป็นไข้ 2. เป็นฤดูที่หมายรู้ว่าฝนจะตก
3. ไปสู่ฝั่งแม่น้ำ 4. วิหารมีกุญแจคุมแน่นหนา
5. ได้กรานกฐินแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บอุตตราสงค์ มี 5 อย่างนี้แล
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บอันตรวาสก มี 5 อย่าง คือ
1. เป็นไข้ 2. สังเกตเห็นว่าฝนจะตก
3. ไปสู่ฝั่งแม่น้ำ 4. วิหารมีกุญแจคุมแน่นหนา
5. ได้กรานกฐินแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บอันตรวาสกไว้ มี 5 อย่างนี้แล
เชิงอรรถ :
1 หมายถึง อยู่ในช่วงฤดูฝน 4 เดือน (วิ.อ. 3/362/219)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [8. จีวรขันธกะ] 222. สังฆิกจีวรุปปาทกถา
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บผ้าอาบน้ำฝนไว้ มี 5 อย่าง คือ
1. เป็นไข้ 2. ไปนอกสีมา
3. ไปสู่ฝั่งแม่น้ำ 4. วิหารมีกุญแจคุมแน่นหนา
5. ผ้าอาบน้ำฝนยังไม่ได้ทำหรือทำค้างไว้
ภิกษุทั้งหลาย เหตุจำเป็นเพื่อเก็บผ้าอาบน้ำฝนไว้ มี 5 อย่างนี้แล
222. สังฆิกจีวรุปปาทกถา
ว่าด้วยการให้จีวรเกิดขึ้นแก่สงฆ์
เรื่องภิกษุรูปเดียวจำพรรษา
[363] สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งอยู่จำพรรษาผู้เดียว คนทั้งหลายในถิ่นนั้นได้
ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า พวกเราขอถวายแก่สงฆ์
ต่อมา ภิกษุนั้นได้มีความคิดดังนี้ว่า พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า
ภิกษุมี 4 รูปเป็นอย่างน้อย ชื่อว่าสงฆ์ แต่เรามีผู้เดียว และคนเหล่านี้ได้ถวาย
จีวรด้วยกล่าวว่า พวกเราขอถวายแก่สงฆ์ อย่ากระนั้นเลย เราพึงนำจีวรของสงฆ์
เหล่านี้ไปกรุงสาวัตถี แล้วได้นำจีวรเหล่านั้นไปยังกรุงสาวัตถี ได้กราบทูลเรื่องนี้ให้
พระผู้มีพระภาคทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุ จีวรเหล่านั้นเป็นของเธอผู้เดียวจนถึงคราว
เดาะกฐิน ภิกษุทั้งหลาย แต่ในกรณีนี้มีภิกษุจำพรรษารูปเดียว คนทั้งหลายในถิ่น
นั้นได้ถวายจีวรด้วยกล่าวว่า พวกเราขอถวายแก่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต
จีวรเหล่านั้นแก่เธอรูปเดียวจนถึงคราวเดาะกฐิน