พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 187. กฐินานุชานนา
เรื่องวิธีกรานกฐินและญัตติทุติยกรรมวาจาสำหรับกรานกฐิน
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงกรานกฐินอย่างนี้ คือ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศ
ให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า
[307] ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผ้ากฐินนี้เกิดแล้วแก่สงฆ์ ถ้าสงฆ์
พร้อมกันแล้ว พึงให้กรานกฐินแก่ภิกษุชื่อนี้เพื่อกรานกฐิน นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผ้ากฐินนี้เกิดแล้วแก่สงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อม
กันแล้ว พึงให้กรานกฐินแก่ภิกษุชื่อนี้เพื่อกรานกฐิน ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการให้
ผ้ากฐินนี้แก่ภิกษุชื่อนี้เพื่อกรานกฐิน ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่าน
รูปนั้นพึงทักท้วง
ผ้ากฐินนี้อันสงฆ์ให้แล้วแก่ภิกษุชื่อนี้เพื่อกรานกฐิน สงฆ์เห็นด้วย เพราะเหตุนั้น
จึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้
เรื่องกฐินไม่เป็นอันกราน
[308] ภิกษุทั้งหลาย กฐินย่อมเป็นอันกรานอย่างนี้ ไม่เป็นอันกรานอย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย ก็กฐินย่อมไม่เป็นอันกรานอย่างไร กฐินย่อมไม่เป็นอันกราน
อย่างนี้ คือ
1. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงมีรอยขีด
2. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงซักผ้า
3. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงกะผ้า
4. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงตัดผ้า
5. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงเนาผ้า
6. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงเย็บผ้า
7. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงทำลูกดุม
8. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงทำรังดุม
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 187. กฐินานุชานนา
9. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงติดผ้าอนุวาต1
10. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงติดผ้าอนุวาตด้านหน้า
11. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงดามผ้า
12. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยอาการเพียงย้อมผ้าเป็นสีหม่น
13. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยผ้าที่ทำนิมิตได้มา
14. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยผ้าที่พูดเลียบเคียงได้มา
15. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยผ้าที่ยืมเขามา
16. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยผ้าที่เก็บไว้ค้างคืน
17. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยผ้าที่เป็นนิสสัคคีย์
18. กฐินไม่เป็นอันกรานด้วยผ้าที่ไม่ทำพินทุ2
19. กฐินไม่เป็นอันกรานเว้นจากสังฆาฏิ
20. กฐินไม่เป็นอันกรานเว้นจากอุตตราสงค์
21. กฐินไม่เป็นอันกรานเว้นจากอันตรวาสก
22. กฐินไม่เป็นอันกรานเว้นจากจีวรมีขันธ์3 5 หรือเกิน 5 ซึ่งตัดดีแล้ว
ทำให้มีมณฑลเสร็จในวันนั้น
23. กฐินไม่เป็นอันกรานเพราะเว้นจากบุคคลกราน
24. กฐินไม่เป็นอันกรานโดยชอบ ถ้าภิกษุผู้อยู่นอกสีมาอนุโมทนากฐินนั้น
ภิกษุทั้งหลาย กฐินชื่อว่าไม่เป็นอันภิกษุกรานอย่างนี้แล
เชิงอรรถ :
1 อนุวาต คือผ้าขอบจีวรทั้งด้านยาวทั้งด้านกว้าง (วิ.อ. 3/345/217)
2 ทำพินทุ คือการทำจุดเป็นวงกลมอย่างใหญ่เท่าแววตานกยูง อย่างเล็กเท่าหลังตัวเลือด ที่มุมจีวรด้วยสีเขียว
สีตมหรือสีดำคล้ำ เพื่อทำให้จีวรเสียหรือทำตำหนิ (วิ.อ. 2/368-369/410) ดู วิ.มหา. (แปล) 2/368-
369/491
3 จีวรมีขันธ์ 5 คือจีวรที่ตัดเย็บปรากฏกระทง(ผ้าท่อนหนึ่ง ๆ มีลักษณะเหมือนกระทงนา มีรูปสี่เหลี่ยม)ใหญ่
กระทงเล็ก โดยมีเส้นคั่นดุจคันนา ยืนระหว่างกระทงจีวร แบ่งเป็น 5 กระทง (ดู วิ.อ. 3/308,345/197,
217)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 187. กฐินานุชานนา
เรื่องกฐินเป็นอันกราน
[309] ภิกษุทั้งหลาย กฐินย่อมเป็นอันกรานอย่างไร
กฐินย่อมเป็นอันกรานอย่างนี้ คือ
1. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าใหม่
2. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าเทียมใหม่
3. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าเก่า
4. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าบังสุกุล
5. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ตกตามร้าน1
6. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ไม่ได้ทำนิมิตได้มา
7. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ไม่ได้พูดเลียบเคียงได้มา
8. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ไม่ได้ยืมเขามา
9. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ไม่ได้เก็บไว้ค้างคืน
10. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ไม่เป็นนิสสัคคีย์
11. กฐินเป็นอันกรานด้วยผ้าที่ทำพินทุ
12. กฐินเป็นอันกรานด้วยสังฆาฏิ
13. กฐินเป็นอันกรานด้วยอุตตราสงค์
14. กฐินเป็นอันกรานด้วยอันตรวาสก
15. กฐินเป็นอันกรานด้วยจีวรมีขันธ์ 5 หรือเกิน 5 ที่ตัดดีแล้ว
ทำให้มีมณฑลเสร็จในวันนั้น
16. กฐินเป็นอันกรานเพราะมีบุคคลกราน
17. กฐินเป็นอันกรานโดยชอบ ถ้าภิกษุผู้อยู่ในสีมาอนุโมทนากฐินนั้น
ภิกษุทั้งหลาย กฐินชื่อว่าเป็นอันกรานอย่างนี้แล
เชิงอรรถ :
1 ผ้าที่ตกตามร้าน คือผ้าเก่าที่ตกอยู่ข้างประตูร้านตลาด ซึ่งมีผู้เก็บมาถวาย (วิ.อ. 3/309/198)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 188. อาทายสัตตกะ
เรื่องกฐินเดาะด้วยมาติกา 8 ข้อ
[310] ภิกษุทั้งหลาย กฐินย่อเป็นอันเดาะได้อย่างไร1 ภิกษุทั้งหลาย
มาตกาแห่งการเดาะกฐินมี 8 ข้อ คือ
1. กำหนดด้วยหลีกไป 2. กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ
3. กำหนดด้วยตกลงใจ 4. กำหนดด้วยผ้าเสียหาย
5. กำหนดด้วยได้ทราบข่าว 6. กำหนดด้วยสิ้นหวัง
7. กำหนดด้วยล่วงเขต 8. กำหนดด้วยเดาะพร้อมกัน
188. อาทายสัตตกะ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการถือจีวรหลีกไป 7 กรณี
[311] ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำเสร็จแล้วหลีกไป คิดว่า จะไม่กลับ
การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยหลีกไป (1)
ภิกษุกรานกฐินแล้วถือเอาจีวรหลีกไป2 อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะ
ให้ทำจีวรนี้ที่ภายนอกสีมานี้แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น การเดาะกฐิน ของ
ภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (2)
ภิกษุกรานกฐินแล้วถือเอาจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะไม่
ให้ทำจีวรนี้ จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยตกลงใจ (3)
ภิกษุกรานกฐินแล้วถือเอาจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะ
ให้ทำจีวรนี้ภายนอกสีมานี้แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น จีวรที่ภิกษุนั้นให้ทำ
อยู่นั้นเกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย (4)
เชิงอรรถ :
1 กฐินเดาะ หมายถึงกฐินที่เสียหาย ไม่มีอานิสงส์ ใช้ไม่ได้ ภิกษุหมดโอกาสจะได้ประโยชน์จากกฐิน
2 ถือเอาจีวรหลีกไป ในหมวดที่ 2-7 หมายถึง ผ้าสำหรับทำจีวร คือ จีวรที่ยังทำไม่เสร็จนั่นเอง (วิ.อ.
3/311/199)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 189. สมาทายสัตตกะ
ภิกษุกรานกฐินแล้วถือเอาจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา ให้ทำจีวร
ผืนนั้น ครั้นทำเสร็จแล้วได้ทราบข่าวว่า ในอาวาสนั้นกฐินเดาะเสียแล้ว การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยได้ทราบข่าว (5)
ภิกษุกรานกฐินแล้วถือเอาจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา ให้ทำจีวร
ผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วล่วงคราวกฐินเดาะนอกสีมา
การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยล่วงเขต (6)
ภิกษุกรานกฐินแล้วถือเอาจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา ให้ทำจีวร
ผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วกลับมาทันกฐินเดาะ การ
เดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่าเดาะพร้อมกันกับภิกษุทั้งหลาย (7)
อาทายสัตตกะ ที่ 1 จบ
189. สมาทายสัตตกะ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการนำจีวรติดตัวหลีกไป 7 กรณี
[312] ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรที่ทำเสร็จแล้วหลีกไปคิดว่า จะไม่กลับ การ
เดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยหลีกไป (1)
ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำ
จีวรนี้ที่นอกสีมานี่แหละ ไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่า
กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (2)
ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะไม่ให้
ทำจีวรนี้ จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยตกลงใจ (3)
ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำ
จีวรนี้นอกสีมานี้แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น จีวรที่ภิกษุนั้นให้ทำอยู่นั้น
เกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย (4)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 190. อาทายฉักกะ
ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา ให้ทำจีวรผืน
นั้น ทำจีวรเสร็จแล้ว ได้ทราบข่าวว่า ในอาวาสนั้นกฐินเดาะเสียแล้ว การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยได้ทราบข่าว (5)
ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา ให้ทำจีวรผืน
นั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ แล้วล่วงคราวกฐินเดาะที่นอกสีมา การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยล่วงเขต (6)
ภิกษุกรานกฐินแล้วนำจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา ให้ทำจีวรผืน
นั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ แล้วกลับมาทันกฐินเดาะ การเดาะกฐินของ
ภิกษุนั้น ชื่อว่าเดาะพร้อมกันกับภิกษุทั้งหลาย (7)
สมาทายสัตตกะ ที่ 2 จบ
190. อาทายฉักกะ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป 6 กรณี
[313] ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมามีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้ที่นอกสีมานี้แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น การ
เดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (1)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่าง
นี้ว่า จะไม่ให้ทำจีวรผืนนั้น จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนด
ด้วยตกลงใจ (2)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่าง
นี้ว่า จะให้ทำจีวรผืนนี้ที่นอกสีมานี้แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น จีวรที่
เธอให้ทำอยู่นั้นเกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้า
เสียหาย (3)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 191. สมาทายฉักกะ
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา
ให้ทำจีวรผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้ว ได้ทราบข่าวว่า ในอาวาสนั้นกฐินเดาะ
เสียแล้ว การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยได้ทราบข่าว (4)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา
ให้ทำจีวรผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วล่วงคราวกฐินเดาะ
นอกสีมา การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยล่วงเขต (5)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอก
สีมาให้ทำจีวรผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วกลับมาทัน
กฐินเดาะ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่าเดาะพร้อมกันกับภิกษุทั้งหลาย (6)
อาทายฉักกะ ที่ 3 จบ
191. สมาทายฉักกะ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการนำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป 6 กรณี
[314] ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมามีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้ที่นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น
การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (1)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิด
อย่างนี้ว่า จะไม่ให้ทำจีวรผืนนั้น จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่า
กำหนดด้วยตกลงใจ (2)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้
ว่า จะให้ทำจีวรผืนนี้ที่นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น จีวรที่
ภิกษุนั้นให้ทำอยู่นั้นเกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้า
เสียหาย (3)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 192. อาทายปัณณรสกะ
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอก
สีมาให้ทำจีวรผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้ว ได้ทราบข่าวว่า ในอาวาสนั้นกฐินเดาะ
เสียแล้ว การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยได้ทราบข่าว (4)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา
ให้ทำจีวรผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วล่วงคราว
กฐินเดาะนอกสีมา การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยล่วงเขต (5)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมา
ให้ทำจีวรผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้ว คิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วกลับมาทัน
กฐินเดาะ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่าเดาะพร้อมกันกับภิกษุทั้งหลาย (6)
สมาทายฉักกะ ที่ 4 จบ
192. อาทายปัณณรสกะ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการถือจีวรหลีกไป 15 กรณี
[315] ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้
ว่า จะให้ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น การเดาะกฐิน
ของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (1)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะไม่
ให้ทำจีวรนี้ จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยตกลงใจ (2)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไป อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะให้
ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรผืนนั้น จีวรที่ภิกษุนั้นให้ทำนั้น
เกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย (3)
ติกะที่ 1 จบ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 192. อาทายปัณณรสกะ
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะไม่กลับ อยู่นอกสีมามีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ ให้ทำจีวรนั้น การเดาะกฐินของ
ภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (4)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะไม่กลับ อยู่นอกสีมามีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะไม่ให้ทำจีวรนี้ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วย
ตกลงใจ (5)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะไม่กลับ อยู่นอกสีมามีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้ ให้ทำจีวรนั้น จีวรที่ภิกษุนั้นให้ทำเสียหาย การ
เดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย (6)
ติกะที่ 2 จบ
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปโดยไม่ตั้งใจ1 ไม่ได้คิดว่า จะกลับ
แต่ก็ไม่ได้คิดว่า จะไม่กลับ อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้
นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่า
กำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (7)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปโดยไม่ตั้งใจ ไม่ได้คิดว่า จะกลับ
แต่ก็ไม่ได้คิดว่า จะไม่กลับ อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะไม่ให้ทำจีวรนี้
จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยตกลงใจ (8)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปโดยไม่ตั้งใจ ไม่ได้คิดว่า จะกลับ
แต่ก็ไม่ได้คิดว่า จะไม่กลับ อยู่นอกสีมามีความคิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้
นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น จีวรที่ภิกษุนั้นให้ทำนั้นเกิดเสียหาย
การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย (9)
ติกะที่ 3 จบ
เชิงอรรถ :
1 โดยไม่ตั้งใจ คือโดยมิได้กำหนดว่า จะกลับ จะไม่กลับ (สารตฺถ. ฏีกา 3/312/406)
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 192. อาทายปัณณรสกะ
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมามีความคิด
อย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น การเดาะกฐิน
ของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (10)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมามีความคิด
อย่างนี้ว่า จะไม่ให้ทำจีวรนี้ จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนด
ด้วยตกลงใจ (11)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมามีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น จีวรที่ภิกษุ
นั้นให้ทำอยู่นั้นเกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย
(12)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมาให้ทำจีวร
ผืนนั้น ทำจีวรเสร็จแล้ว ได้ทราบข่าวว่า ในอาวาสนั้นกฐินเดาะเสียแล้ว การ
เดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยได้ทราบข่าว (13)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมาให้ทำจีวรผืนนั้น
ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วล่วงคราวกฐินเดาะนอกสีมา การ
เดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยล่วงเขต (14)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรหลีกไปคิดว่า จะกลับ อยู่นอกสีมาให้ทำจีวรผืนนั้น
ทำจีวรเสร็จแล้วคิดว่า จะกลับ จะกลับ แล้วกลับมาทันกฐินเดาะ การเดาะกฐิน
ของภิกษุนั้น ชื่อว่าเดาะพร้อมกันกับภิกษุทั้งหลาย (15)
ฉักกะ จบ
อาทายปัณณรสกะ จบ
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [7. กฐินขันธกะ] 194. วิปปกตสมาทายปัณณรสกะ
193. สมาทายปัณณรสกาทิ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการนำจีวรติดตัวหลีกไป 15 กรณีเป็นต้น
[316] ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรหลีกไป ฯลฯ
(พระวินัยธรพึงขยายความให้พิสดารอย่างนี้ เหมือนวาระที่ว่าด้วยเรื่องการ
เดาะกฐินกำหนดด้วยถือจีวรหลีกไป)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว ถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมา มีความคิด
อย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรผืนนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ ฯลฯ
(พระวินัยธรพึงขยายความให้พิสดารอย่างนี้ เหมือนวาระที่ว่าด้วยเรื่องการ
เดาะกฐินกำหนดด้วยถือจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป)
194. วิปปกตสมาทายปัณณรสกะ
ว่าด้วยการเดาะกฐินด้วยการนำจีวรที่ทำค้างไว้ติดตัวหลีกไป 15 กรณี
[317] ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมา มีความ
คิดอย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น การเดาะ
กฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยทำจีวรเสร็จ (1)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมา มีความคิด
อย่างนี้ว่า จะไม่ให้ทำจีวรนี้ จะไม่กลับ การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่า
กำหนดด้วยตกลงใจ (2)
ภิกษุกรานกฐินแล้ว นำจีวรที่ทำค้างไว้หลีกไป อยู่นอกสีมา มีความคิด
อย่างนี้ว่า จะให้ทำจีวรนี้นอกสีมานี่แหละ จะไม่กลับ ให้ทำจีวรนั้น จีวรที่ให้ทำ
อยู่นั้นเกิดเสียหาย การเดาะกฐินของภิกษุนั้น ชื่อว่ากำหนดด้วยผ้าเสียหาย (3)
ติกะที่ 1 จบ