กถํ? ยทา หิ ทิฏฺฐิสมฺปยุตฺตจิตฺตํ กายวิญฺญตฺติํ สมุฏฺฐาเปนฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทา มิจฺฉาทิฏฺฐิ มิจฺฉาสงฺกปฺโป มิจฺฉาวายาโม มิจฺฉาสติ มิจฺฉาสมาธิ มิจฺฉากมฺมนฺโตติ ฉ องฺคานิ โหนฺติฯ ยทา ทิฏฺฐิวิปฺปยุตฺตํ, ตทา มิจฺฉาทิฏฺฐิวชฺชานิ ปญฺจฯ ยทา ตาเนว ทฺเว วจีวิญฺญตฺติํ สมุฏฺฐาเปนฺติ, ตทา มิจฺฉากมฺมนฺตฏฺฐาเน มิจฺฉาวาจาย สทฺธิํ ตาเนว ฉ วา ปญฺจ วาฯ อยํ อาชีโว นาม กุปฺปมาโน กายวจีทฺวาเรสุเยว อญฺญตรสฺมิํ กุปฺปติ, น มโนทฺวาเรฯ ตสฺมา ยทา อาชีวสีเสน ตาเนว จิตฺตานิ กายวจีวิญฺญตฺติโย สมุฏฺฐาเปนฺติ, ตทา กายกมฺมํ มิจฺฉาชีโว นาม โหติ, ตถา วจีกมฺมนฺติ มิจฺฉาชีวสฺส วเสน ตาเนว ฉ วา ปญฺจ วาฯ ยทา ปน วิญฺญตฺติํ อสมุฏฺฐาเปตฺวา ตานิ จิตฺตานิ อุปฺปชฺชนฺติ , ตทา มิจฺฉาทิฏฺฐิมิจฺฉาสงฺกปฺปมิจฺฉาวายามมิจฺฉาสติมิจฺฉาสมาธิวเสน ปญฺจ วา, มิจฺฉาสงฺกปฺปาทิวเสน จตฺตาริ วา โหนฺตีติ เอวํ น เอกกฺขเณ สพฺพานิ ลพฺภนฺติ, นานกฺขเณ ลพฺภนฺตีติฯ
สุกฺกปกฺเข วิชฺชาติ กมฺมสฺสกตญาณํฯ อิหาปิ สหชาตวเสน จ อุปนิสฺสยวเสน จาติ ทฺวีหากาเรหิ ปุพฺพงฺคมตา เวทิตพฺพาฯ หิโรตฺตปฺปนฺติ หิรี จ โอตฺตปฺปญฺจฯ ตตฺถ ลชฺชนาการสณฺฐิตา หิรี, ภายนาการสณฺฐิตํ โอตฺตปฺปํฯ อยเมตฺถ สงฺเขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมคฺเค วุตฺโตวฯ วิชฺชาคตสฺสาติ วิชฺชาย อุปคตสฺส สมนฺนาคตสฺสฯ วิทฺทสุโนติ วิทุโน ปณฺฑิตสฺสฯ สมฺมาทิฏฺฐีติ ยาถาวทิฏฺฐิ นิยฺยานิกทิฏฺฐิฯ สมฺมากมฺมนฺตาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ กุสลธมฺมสมาปตฺติยา อิมานิ อฏฺฐงฺคานิ โหนฺติ, ตานิ โลกิยมคฺคกฺขเณ น เอกโต สพฺพานิ ลพฺภนฺติ, โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ ปน ลพฺภนฺติฯ ตานิ จ โข ปฐมชฺฌานิกมคฺเค, ทุติยชฺฌานิกาทีสุ ปน สมฺมาสงฺกปฺปวชฺชานิ สตฺเตว โหนฺติฯ
ตตฺถ โย เอวํ วเทยฺย ‘‘ยสฺมา มชฺฌิมนิกายมฺหิ มหาสฬายตนิกสุตฺเต (ม. นิ. 3.431) ‘ยา ตถาภูตสฺส ทิฏฺฐิ, สาสฺส โหติ สมฺมาทิฏฺฐิฯ โย ตถาภูตสฺส, สงฺกปฺโป, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสงฺกปฺโปฯ โย ตถาภูตสฺส วายาโม, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาวายาโมฯ ยา ตถาภูตสฺส สติ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสติฯ โย ตถาภูตสฺส สมาธิ, สฺวาสฺส โหติ สมฺมาสมาธิฯ
ปุพฺเพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว จ สุปริสุทฺโธ’ติ วุตฺตํ ตสฺมา ปญฺจงฺคิโกปิ โลกุตฺตรมคฺโค โหตี’’ติ โส วตฺตพฺโพ – ตสฺมิํเยว สุตฺเต ‘‘เอวมสฺสายํ อริโย อฏฺฐงฺคิโก มคฺโค ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉตี’’ติ อิทํ กสฺมา น ปสฺสสิ ? ยํ ปเนตํ ‘‘ปุพฺเพว โข ปนสฺสา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺฐาย ปริสุทฺธภาวทสฺสนตฺถํฯ ปพฺพชิตทิวสโต ปฏฺฐาย หิ ปริสุทฺธานิ กายกมฺมาทีนิ โลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อติปริสุทฺธานิ โหนฺตีติ อยมตฺโถ ทีปิโตฯ
ยมฺปิ อภิธมฺเม วุตฺตํ ‘‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย ปญฺจงฺคิโก มคฺโค โหตี’’ติ (วิภ. 212), ตํ เอกํ กิจฺจนฺตรํ ทสฺเสตุํ วุตฺตํฯ ยสฺมิญฺหิ กาเล มิจฺฉากมฺมนฺตํ ปหาย สมฺมากมฺมนฺตํ ปูเรติ, ตสฺมิํ กาเล มิจฺฉาวาจา วา มิจฺฉาชีโว วา น โหติ, ทิฏฺฐิ สงฺกปฺโป วายาโม สติ สมาธีติ อิเมสุเยว ปญฺจสุ การกงฺเคสุ สมฺมากมฺมนฺโต ปูรติฯ วิรติวเสน หิ สมฺมากมฺมนฺโต ปูรติ นามฯ สมฺมาวาจาสมฺมาอาชีเวสุปิ เอเสว นโยฯ อิติ อิมํ กิจฺจนฺตรํ ทสฺเสตุํ เอวํ วุตฺตํฯ โลกิยมคฺคกฺขเณ จ ปญฺเจว โหนฺติ, วิรติ ปน อนิยตาฯ ตสฺมา ‘‘ฉองฺคิโก’’ติ อวตฺวา ‘‘ปญฺจงฺคิโก’’ตฺเวว วุตฺตํฯ ‘‘ยา จ, ภิกฺขเว, อริยจิตฺตสฺส อนาสวจิตฺตสฺส อริยมคฺคสมงฺคิโน อริยมคฺคํ ภาวยโต ตีหิ กายทุจฺจริเตหิ อารติ วิรติ ปฏิวิรติ เวรมณี อกิริยา อกรณํ, อยํ ภิกฺขเว สมฺมากมฺมนฺโต อริโย อนาสโว โลกุตฺตรมคฺโค’’ติ (ม. นิ. 3.139)ฯ เอวํ ปน มหาจตฺตาลีสกสุตฺตาทีสุ อเนเกสุ สุตฺเตสุ สมฺมากมฺมนฺตาทีนญฺจ โลกุตฺตรมคฺคสฺส องฺคภาวสิทฺธิโต อฏฺฐงฺคิโกว โลกุตฺตรมคฺโค โหตีติ เวทิตพฺโพติฯ อิมสฺมิํ สุตฺเต อยํ อฏฺฐงฺคิโก มคฺโค โลกิยโลกุตฺตรมิสฺสโกว กถิโตฯ ทุติยํ โกสลสํยุตฺเต วุตฺตเมวฯ
3. สาริปุตฺตสุตฺตวณฺณนา
[3] ตติเย สกลมิทํ ภนฺเตติ อานนฺทตฺเถโร สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถกํ อปฺปตฺตตาย สกลมฺปิ มคฺคพฺรหฺมจริยํ กลฺยาณมิตฺตสนฺนิสฺสเยน ลพฺภตีติ น อญฺญาสิ, ธมฺมเสนาปติ ปน สาวกปารมีญาณสฺส มตฺถเก ฐิตตฺตา อญฺญาสิ, ตสฺมา เอวมาหฯ เตเนวสฺส ภควา สาธุ สาธูติ สาธุการมทาสิฯ