เมนู

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยมรรคมีองค์ 8


. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งอริยมรรค
มีองค์ 8. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยผล 4


. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งโสดา-
ปัตติผล . . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งสกทา-
คามิผล . . . ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . .ซึ่งอนาคามิผล
...ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว . . . ซึ่งอรหัตผล
...ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและสละกิเลส


. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว
. . .ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว
...ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและจากราคะ


. . .จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ
ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

บอกจิตเปิดจากโมหะและจากโทสะ


...จิตของข้าพเจ้า เปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ
ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์

บอกรวมทุกอย่าง


[334] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว
เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งปฐมฌาน
...ทุติยฌาน. . .ตติยฌาน.. .จตุตถฌาน...สุญญตวิโมกข์... อนิมิตตวิโมกข์
...อัปปณิหิตวิโมกข์ ... สุญญตสมาธิ . ..อนิมิตตสมาธิ ...อัปปณิหิตสมาธิ
...สุญญตสมาบัติ . . .อนิมิตตสมาบัติ . ..อัปปณิหิตสมาบัติ .. .วิชชา 3. . .
สติปัฏฐาน 4 . . . สัมมัปปธาน 4. . . อิทธิบาท 4. ..อินทรีย์ 5. ..พละ 5 . . .
โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8 . . . โสดาปัตติผล . . . สกทาคามิผล . . .
อนาคามิผล . . . อรหัตผล . . . ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว
สละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . โมหะ
ข้าพเจ้าสละแล้ว . . . จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ . . . จากโทสะ . . . และจาก
โมหะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

วัตถุกามวารกถา
ประสงค์จะบอกเข้าปฐมฌาน


[335] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขา
เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว . . . เรื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาธิ แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาธิแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าวิชชา 3 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสติปัฏฐาน 4 แล้ว . . .เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน 4 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอิทธิบาท 4 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอินทรีย์ 5 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าพละ 5 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโพชฌงค์ 7 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอริยมรรคมีองค์ 8 แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโสดาปัตติผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนาคามิผลแล้ว. . .เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอรหัตผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว
สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อ
ไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทกคน.
. . .แต่บอกว่า โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

ประสงค์จะบอกเข้าทุติฌาน


[336] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว . . . เมื่อเขา
เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
* ที่ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ไว้นี้หมายถึงว่า ประสงค์จะบอกว่า เข้าทุติยฌาน แต่บอกว่า
เข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโมหะ .

. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ 1
บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของ
ข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ2
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

สัพพมูลกนัย


บทว่า บอก คือภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า
ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์
อัปปณิหิตวิโมกข์ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญตสมาบัติ
อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ วิชชา 3 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4
อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 โสดา -
ปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตผลแล้ว ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว
คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้า
สละแล้ว . . . โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ และจิต
ของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อ
เขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
1. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าเข้าตติยฌาน แต่บอกว่าเข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์
เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโทสะ.
2. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าจิตเปิดจากโมหะ แต่บอกว่าเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน
เป็นต้น ไปถึงจิตเปิดจากราคะ.

บอกเข้าทุติยฌานและตติยฌาน


[337] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและตติยฌานแล้ว . . . แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌาน
แล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.

บอกภิกษุอื่นเข้าปฐมฌาน


[338] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดอยู่
ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ
ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน. . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว . . . ซึ่งทุติยฌาน
. . . ติยฌาน . . . จตุตถฌาน . . . สุญญตวิโมกข์ . . . อนิมิตตวิโมกข์ . . .
อัปปณิหิตวิโมกข์ . . . สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ . . . อัปปณิหิตสมาธิ . . .
สุญญตสมาบัติ . . . อนิมิตทสมาบัติ. . . อัปปณิหิตสมาบัติ . . . วิชชา 3 . . .
สติปัฏฐาน 4. . . สัมมัปปธาน 4 . . . อิทธิบาท 4 . . . อินทรีย์ 5 . . . พละ
5 . . . โพชฌงค์ 7 . . . อริยมรรคมีองค์ 8. . .โสดาปัตติผล . . .สกทาคามิผล
. . .อนาคามิผล . . .อรหัตผล . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . . ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ราคะภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว
ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว . . . โทสะภิกษุนั้นสละ
แล้ว . . . โมหะภิกษุนั้นสละแล้ว . . . ต้องอาบัติทุกกฏ.
* ที่ ฯ ล ฯ และนี้ ... ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม 1 ภาค 2 หน้า 544 ข้อ 279