เมนู

อาบัติปาฎิเทสนียะ . . . อาบัติทุกกฏ. . . อาบัติทุพภาสิต ว่าท่านต้องโสดาบัติ
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อยกยอกระทบอาบัติ


อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้ต้องอาบัติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบอาบัติอุกฤษฎ์ คือพูดกะอนุปสัมบันผู้
ต้องโสดาบัติ ว่าท่านต้องโสดาบัติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ
คำพูด.

พูดล้อกดกระทบคำสบประมาท


อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าวกระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน
ผู้มีความประพฤติดังอูฐ... แพะ. .. โค.. . ลา. .. สัตว์ดิรัจฉาน. . . มีความ
ประพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นอูฐ . . .แพะ . . .โค .. . ลา . . . สัตว์ดิรัจฉาน
ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ...ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อกดให้เลวกระทบคำสบประมาท


อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้มีความประพฤติอุกฤษฎ์ ด้วยกล่าวกระทบคำด่าทราม คือ พูดกะอนุปสัมบัน

ผู้เป็นบัณฑิต. .. ผู้ฉลาด . . . ผู้มีปัญญา . .. ผู้พหูสูต . .. ผู้ธรรมกถึก ว่าท่าน
เป็นอูฐ. . . แพะ. . .โค .. . ลา . . . สัตว์ดิรัจฉาน ว่าท่านเป็นสัตว์นรก สุคติ
ของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่ทุคติ. ..ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อประชดกระทบคำสบประมาท


อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้มีความประพฤติทราม ด้วยกล่าวกระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้มีความพระพฤติดังอูฐ . . . แพะ . . . โค . . . ลา . . . สัตว์ดิรัจฉาน . . . มีความ
พระพฤติดังสัตว์นรก ว่าท่านเป็นบัณฑิต ... คนฉลาด ... คนมีปัญญา...
พหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ...
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อยกยอกระทบคำสบประมาท


อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้มีความประพฤติอุกฤษฏ์ ด้วยกล่าวกระทบคำด่าอุกฤษฏ์ คือพูดกะอนุปสัมบัน
ผู้เป็นบัณฑิต ... ผู้ฉลาด ... ผู้มีปัญญา ... ผู้พหูสูต ... ผู้ธรรมกถึก ว่าท่าน
เป็นบัณฑิต... คนฉลาด... คนมีปัญญา. . . พหูสูต ว่าท่านเป็นธรรมกถึก
ทุคติของท่านไม่มี ท่านต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.

อุปสัมบันล้ออนุปสัมบัน
พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม ว่ามีบางพวก


[251] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาท
อันปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูด
เปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นชาติ
คนจัณฑาล บางพวกเป็นชาติคนจักสาน บางพวกเป็นชาติพราน บางพวก
เป็นชาติคนช่างหนัง บางพวกเป็นชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาทอนุปสัมบัน
ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูดเปรยอย่างนั้น
คือกล่าวว่า มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นชาติกษัตริย์ บาง-
พวกเป็นชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม ว่ามีบางพวก


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกชื่ออวกัณณกะ บางพวก
ชื่อชวกัณณกะ บางพวกชื่อธนิฎฐกะ บางพวกชื่อสวิฏฐกะ บางพวกชื่อ
กุลวัฑฒกะ...ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกชื่อพุทธรักขิต บางพวก
ชื่อธัมมรักขิต บางพวกชื่อสังฆรักขิต . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสันบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโกสิยโคตร บางพวก
เป็นภารทวาชโคตร. . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโคตมโคตร.. .
โมคคัลลานโคตร . . . กัจจายนโคตร . . . วาเสฏฐโคตร . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกทำงานช่างไม้ . . .ทำงาน
เทดอกไม้ ดังนี้ เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกทำงานไถนา . . . ทำการ
ค้าขาย . . . ทำงานเลี้ยงโค . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบศิลปทราม ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกมีวิชาการช่างจักสาน
. . . ช่างหม้อ . . . ช่างหูก . . . ช่างหนัง . . . ช่างกัลบก . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบศิลปอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกมีวิชาการช่างนับ...
ช่างคำนวณ. . . ช่างเขียน. . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโรคเรื้อน โรคฝี.. .
. . .โรคลาก .. .โรคมองคร่อ...โรคลมบ้าหมู. . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุกๆ
คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นโรคเบาหวาน ดังนี้
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม ว่ามีบางพวก


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกสูงเกินไป.. .ต่ำเกินไป
. . .ดำเกินไป. . . ขาวเกินไป...ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกไม่สูงนัก . .. ไม่ต่ำนัก
ไม่ดำนัก .. .ไม่ขาวนัก. ..ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทรามว่ามีบางพวก


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกถูกราคะกลุ้มรุม.. ถูก
โทสะย่ำยี . ..ถูกโมหะครอบงำ...ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกปราศจากราคะ...
ปราศจากโทสะ. . .ปราศจากโมหะ. . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทราม ว่ามีบางพวก


. . . มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกต้องอาบัติปาราชิก
. . . อาบัติสังฆาทิเสส . . .อาบัติถุลลัจจัย . . . อาบัติปาจิตตีย์ . . .อาบัติปาฎิ-
เทสนียะ .. .อาบัติทุกกฏ . .. ต้องอาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์ ว่ามีบางพวก


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกต้องโสดาบัติ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกมีความประพฤติดังอูฐ
. . . ดังแพะ . . .โค . . . ดังลา . . . ดังสัตว์ดิรัจฉาน . . .ดังสัตว์นรก สุคติ
ของท่านพวกนั้นไม่มี ท่านพวกนั้นต้องหวังได้แต่ทุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .มีอนุปสัมบันในพระธรรมวินัยนี้ บางพวกเป็นบัณฑิต ...เป็น
คนฉลาด ...เป็นคนมีปัญญา ...เป็นพหูสูต ...เป็นธรรมกถึก ทุคติของ
ท่านพวกนั้นไม่มี ท่านพวกนั้นต้องหวังได้แต่สุคติ ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

อุปสันบันล้ออนุปสัมบัน
พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม ว่าพวกไรกันแน่


[252] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาท
อนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูด
เปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นชาติคนจัณฑาล
. . .ชาติคนจักสาน . . .ชาติพราน . ..ชาติคนช่างหนัง . . .ชาติคนเทดอกไม้
ดังนี้เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นชาติกษัตริย์ .. .ชาติพราหมณ์
. . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ชื่ออวกัณณกะ ...ชื่อชวกัณณกะ
. . .ชื่อธนิฎฐกะ . . .ชื่อสวิฎฐกะ . ..ชื่อกุลวัฑฒกะ . .. ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ชื่อพุทธรักขิต . ..ชื่อธัมมรักขิต
. . . ชื่อสังฆรักขิต ... ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโกสิยโคตร . ..ภารทวาชโคตร
. . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโคตมโคตร . . .โมคคัลลานโคตร
. . . กัจจายนโคตร . . .วาเสฏฐโคตร . ..ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นช่างไม้ . ..ช่างเทดอกไม้.. .
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นคนทำงานไถนา . . . ทำงานค้าขาย
. . .ทำงานเลี้ยงโค . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบศิลปทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ มีวิชาการช่างจักสาน . . .มีวิชาการ
ช่างหม้อ . . .มีวิชาการช่างหูก . . . มีวิชาการช่างหนัง . . . มีวิชาการช่างกัลบก
. . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบศิลปอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันว่าพวกไรกันแน่ มีวิชาการช่างนับ . . .มีวิชาการช่าง
คำนวณ . . . มีวิชาการช่างเขียน . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโรคเรื้อน. . .โรคฝี. . . โรคกลาก
. . .โรคมองคร่อ . . .โรคลมบ้าหมู . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโรคอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นโรคเบาหวาน . . .ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ สูงเกินไป. . .ต่ำเกินไป . . .ดำเกินไป
. . .ขาวเกินไป . .. ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบรูปพรรณอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นคนไม่สูงนัก . . .ไม่ต่ำนัก. . .
ไม่ดำนัก . . .ไม่ขาวนัก . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบกิเลสทราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ถูกราคะกลุ้มรุม . . .ถูกโทสะย่ำยี
. . . ถูกโมหะครอบงำ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบกิเลสอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . . อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ปราศจากราคะ . . . ปราศจากโทสะ
. . . ปราศจากโมหะ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบอาบัติทรามว่า พวกไรกันแน่


. . . อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ต้องอาบัติปาราชิก . . . อาบัติ
สังฆาทิเสส . . .อาบัติถุลลัจจัย . . . อาบัติปาจิตตีย์ . . . อาบัติปาฎิเทสนียะ
. . .อาบัติทุกกฏ . . . อาบัติทุพภาสิต ดังนี้ ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบอาบัติอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ ต้องโสดาบัติ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต
ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาททราม ว่าพวกไรกันแน่


. . .อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ มีความประพฤติดังอูฐ . . .แพะ
. . .โค . . .ลา . . . สัตว์ดิรัจฉาน . . . สัตว์นรก สุคติของอนุปสัมบันพวกนั้น
ไม่มี อนุปสัมบันพวกนั้นต้องหวังได้แต่ทุคติ . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ
คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบคำสบประมาทอุกฤษฏ์ ว่าพวกไรกันแน่


...อนุปสัมบันจำพวกไรกันแน่ เป็นบัณฑิต . . .เป็นคนฉลาด. . .เป็น
คนมีปัญญา . . .เป็นพหูสูต . . .เป็นธรรมกถึก ทุคติของอนุปสัมบันพวกนั้น
ไม่มี อนุปสัมบันพวกนั้น ต้องหวังได้แต่สุคติ . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ
คำพูด.

อุปสัมบันล้ออนุปสัมบัน
พูดล้อเปรยกระทบชาติทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา


[253] อุปสัมบันไม่ปรารถนาจะด่า ไม่ปรารถนาจะสบประมาท
อนุปสัมบัน ไม่ปรารถนาจะทำให้อัปยศ แต่มีความประสงค์จะล้อเล่น จึงพูด
เปรยอย่างนี้ คือกล่าวว่า พวกเราไม่ใช่ชาติคนจัณฑาล . . . ไม่ใช่ชาติคนจักสาน
. . .ไม่ใช่ชาติพราน...ไม่ใช่ชาติคนช่างหนัง. . .ไม่ใช่ชาติคนเทดอกไม้ ดังนี้
เป็นต้น ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชาติอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่ชาติกษัตริย์ ...ไม่ใช่ชาติพราหมณ์ ดังนี้เป็นต้น
ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชื่อทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . . พวกเราไม่ใช่ชื่ออวกัณณกะ .. .ไม่ใช่ชื่อชวกัณณกะ . ..ไม่ใช่
ชื่อธนิฏฐกะ . . .ไม่ใช่ชื่อสวิฎฐกะ . . .ไม่ใช่ชื่อกุลวัฑฒกะ . . .ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบชื่ออุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่ชื่อพุทธรักขิต .. .ไม่ใช่ชื่อธัมมรักขิต . ..ไม่ใช่ชื่อ
สังฆรักขิต . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโคตรทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่โกสิยโคตร . . .ไม่ใช่ภารทวาชโคตร . . .ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโคตรอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่โคตมโคตร . . .ไม่ใช่โมคคัลลานโคตร . . . ไม่ใช่
กัจจายนโคตร . . .ไม่ใช่วาเสฏฐโคตร . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบการงานทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่ช่างไม้ . . . ไม่ใช่คนเทดอกไม้ . . . ต้องอาบัติ
ทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบการงานอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . . พวกเราไม่ใช่คนทำงานไถนา . . .ไม่ใช่คนทำงานค้าขาย . . .ไม่ใช่
คนทำงานเลี้ยงโค . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบศิลปทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างจักสาน . . .ไม่ใช่มีวิชาการช่างหม้อ
. . . ไม่ใช่มีวิชาการช่างหูก . . . ไม่ใช่มีวิชาการช่างหนัง . . . ไม่ใช่มีวิชาการช่าง
กัลบก . . . ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบศิลปอุกฤษฏ์ ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . .พวกเราไม่ใช่มีวิชาการช่างนับ . . .ไม่ใช่มีวิชาการช่างคำนวณ
. . .ไม่ใช่มีวิชาการช่างเขียน . . .ต้องอาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.

พูดล้อเปรยกระทบโรคทราม ว่าไม่ใช่พวกเรา


. . . พวกเราไม่ใช่เป็นโรคเรื้อน . .ไม่ใช่เป็นโรคฝี . . .ไม่ใช่เป็น
โรคกลาก . . .ไม่ใช่เป็นโรคมองคร่อ . . . ไม่ใช่เป็นโรคลมบ้าหมู . . .ต้อง
อาบัติทุพภาสิต ทุก ๆ คำพูด.