คาถาธรรม
ชราวรรค1ที่ 11
ว่าด้วยสิ่งที่คร่ำคร่า ชรา
[21] 1. เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยู่เป็นนิตย์
พวกเธอยังจะร่าเริงบันเทิงอะไรกันหนอ เธอทั้งหลาย
อันความมืดปกคลุมแล้ว ทำไมจึงไม่แสวงหาประทีป
เล่า.
2. เธอจงดูอัตภาพที่ไม่มีความยั่งยืน (และ)
ความมั่นคง (อันกรรม) ทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็น
แผล อันกระดูก 300 ท่อน ยกขึ้นแล้ว อันอาดูร
ที่มหาชนครุ่นคิดแล้วโดยมาก.
3. รูปนี้แก่หง่อมแล้ว เป็นรังของโลก เปื่อยพัง
กายของตนเป็นของเน่า จักแตก เพราะชีวิตมีความ
ตายเป็นที่สุด.
4. กระดูกเหล่านี้ใด อันเขาทิ้งเกลื่อนกลาดดุจ
น้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ ความยินดี
อะไรเล่า (จักมี) เพราะเห็นกระดูกเหล่านั้น.
5. สรีระอันกรรมทำให้เป็นนครแห่งกระดูกทั้ง-
หลาย ฉาบด้วยเนื้อและโลหิต เป็นที่ตั้งลงแห่งชรา
มรณะ มานะ และมักขะ.
1. วรรคนี้มีอรรถกถา 9 เรื่อง.
6. ราชรถที่วิจิตรดียังคร่ำคร่าได้เเล อนึ่ง ถึง
สรีระ ก็ย่อมถึงความคร่ำคร่า ธรรมของสัตบุรุษหา
เข้าถึงความคร่ำคร่าไม่ สัตบุรุษทั้งหลายแล ย่อม
ปราศรัยกับด้วยสัตบุรุษ.
7. คนมีสุตะน้อยนี้ ย่อมแก่เหมือนโคถึก เนื้อ
ของเขาย่อมเจริญ แต่ปัญญาของเขาหาเจริญไม่.
8. เราแสวงหาช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ
จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสาร มีชาติเป็นอเนก ความ
เกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบ
ท่านแล้ว ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้ ซี่โครงทุกซี่ของ
ท่านเราหักเสียแล้ว ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว จิต
ของเราถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว เพราะ
เราบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นตัณหาแล้ว.
9. พวกคนเขลาไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้
ทรัพย์ในคราวยังเป็นหนุ่มสาว ย่อมซบเซาดังนก
กะเรียนแก่ ซบเซาอยู่ในเปือกตมที่หมดปลาฉะนั้น.
พวกคนเขลาไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ทรัพย์ใน
คราวยังเป็นหนุ่มสาว ย่อมนอนทอดถอนถึงทรัพย์เก่า
เหมือนลูกศรที่ตกจากแล่งฉะนั้น.
จบชราวรรคที่ 11
11. ชราวรรควรรณนา
1. เรื่องหญิงสหายของนางวิสาขา [118]
ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพวกหญิง
สหายของนางวิสาขา ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า " โก นุ หาโส กิมา-
นนฺโท " เป็นต้น.
สามีมอบภรรยาของตนแก่นางวิสาขา
ดังได้สดับมา กุลบุตร 500 คน ในพระนครสาวัตถี ได้มอบภริยา
ของตนๆกะนางวิสาขามหาอุบาสิกา ด้วยมุ่งหมายว่า " ด้วยอุบายอย่างนี้
ภริยาเหล่านี้จักเป็นผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาท. " หญิงเหล่านั้นเมื่อไปสวน
ก็ดี ไปวิหารก็ดี ย่อมไปกับนางวิสาขานั่นแล.
มหรสพเกี่ยวกับสุรา
ในคราวหนึ่ง เมื่อเขาโฆษณาการมหรสพว่า " จักมีการมหรสพ
เกี่ยวกับสุราตลอด 7 วัน " หญิงเหล่านั้นก็จัดเตรียมสุราเพื่อสามีของตนๆ
สามีเหล่านั้น เล่นมหรสพเกี่ยวกับสุราตลอด 7 วันแล้ว ในวันที่ 8 ได้
ออกไปเพื่อทำการงาน.
หญิงเหล่านั้นคิดหาอุบายดื่มสุรา
หญิงแม้เหล่านั้นหารือกันว่า " พวกเราไม่ได้ดื่มสุราต่อหน้าสามี,
ก็สุราที่เหลือยังมีอยู่, เราทั้งหลายจักดื่มสุรานี้ด้วยวิธีที่สามีเหล่านั้นจะไม่
รู้ " ดังนี้แล้ว จึงไปสำนักของนางวิสาขา กล่าวว่า " แม่เจ้า ดิฉันทั้งหลาย
ปรารถนาจะชมสวน " เมื่อนางวิสาขาตอบว่า " ดีละ แม่ทั้งหลาย ถ้าเช่น
นั้น จงทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้วจึงออกไป. " ได้ไปพร้อมกับนางวิสาขานั้น
ซ่อนสุราไปโดยอาการอันมิดชิด ดื่มเสีย (จน) เมาแล้ว เที่ยวไปในสวน.
นางวิสาขาคิดว่า " หญิงเหล่านี้ทำกรรมไม่สมควร. คราวนี้ถึงพวกเดียรถีย์
ก็จักติเตียนได้ว่า " สาวิกาทั้งหลายของพระสมณโคคม ดื่มสุรา ย่อมเที่ยว
ไป " จึงกล่าวกะหญิงเหล่านั้นว่า " นี่แน่ะแม่ เธอทั้งหลายทำกรรมไม่
สมควร. พลอยให้เกิดอัปยศแก่ฉันด้วย. ถึงสามีก็จะโกรธพวกเธอ. บัดนี้
พวกเธอจักทำอย่างไรกัน ? " หญิงเหล่านั้นตอบว่า " แม่เจ้า ดิฉันทั้งหลาย
จักแสดงอาการลวงว่าเป็นไข้ " นางวิสาขาจึงกล่าวว่า " ถ้าเช่นนั้น พวก
เธอก็จักปรากฏด้วยกรรมของตน." หญิงเหล่านั้นไปถึงเรือนแล้ว ทำท่า
ลวงว่าเป็นไข้. ทีนั้นสามีของหญิงเหล่านั้นถามว่า " หญิงชื่อนี้และชื่อนี้ไป
ไปไหน ? " ได้ยินว่า " เป็นไข้ " ก็กำหนดจับได้ว่า " พวกนี้จักดื่มสุรา
ที่เหลือเป็นแน่ " จึงได้ทุบตีหญิงเหล่านั้นให้ถึงความเสื่อมเสีย. ในคราว
มหรสพแม้อื่นอีก หญิงเหล่านั้นอยากดื่มสุราเหมือนอย่างนั้น จึงเข้าไปหา
นางวิสาขา กล่าวว่า " แม่เจ้า โปรดพาดิฉันไปชมสวนเถิด " ถูกนาง
ห้ามว่า " แม้ในคราวก่อน เธอทั้งหลายกระทำให้อัปยศแก่ฉัน. ไปเอง
เถอะ, ฉันจะไม่พาเธอทั้งหลายไปละ " ได้พูดเอาใจว่า " ทีนี้ พวกดิฉันจัก
ไม่ทำอย่างนั้น " แล้วเข้าไปหานางวิสาขานั้น พูดใหม่ว่า " แม่เจ้า ดิฉัน
ทั้งหลายประสงค์จะทำพุทธบูชา. ขอจงพาดิฉันทั้งหลายไปวิหารเถิด. "
นางจึงพูดว่า " แน่ะแม่ บัดนี้ สมควร (แท้). เธอทั้งหลายจงไปจัดแจง
เตรียมตัวเถอะ. หญิงเหล่านั้น ให้คนถือของหอมเเละระเบียบดอกไม้เป็นต้น
ด้วยผอบ หิ้วขวดมีสัณฐานดุจกำมือ ซึ่งเต็มด้วยสุรา ด้วยมือทั้งสอง
คลุมผ้าผืนใหญ่เข้าไปหานางวิสาขาแล้ว เข้าไปวิหารพร้อมกับนางวิสาขา
นั้น นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง ดื่มสุราด้วยขวดอันมีสัณฐานดุจกำมือนั่นเอง
แล้วทิ้งขวดเสีย นั่งตรงพระพักตร์พระศาสดาในโรงธรรม. นางวิสาขา
กราบทูลว่า " พระเจ้าข้า ขอพระองค์แสดงธรรมแก่หญิงเหล่านี้. "
ผ่ายหญิงเหล่านั้น มีตัวสั่นเทิ้มอยู่ด้วยฤทธิ์เมา เกิดความคิดขึ้นว่า " เรา
ทั้งหลายจักฟ้อน จักขับ. "
เทวบุตรมารบันดาลให้แสดงกายวิการแต่ไม่สำเร็จ
ลำดับนั้น เทวดาองค์หนึ่ง ซึ่งนับเนื่องในหมู่มาร คิดว่า " บัดนี้
เราจักสิงในสรีระของหญิงเหล่านี้แล้ว จักแสดงประการอันแปลกตรง
พระพักตร์พระสมณโคดม " แล้วเข้าสิงในสรีระของหญิงเหล่านั้น บรรดา
หญิงเหล่านั้น บางพวกจะเริ่มปรบมือหัวเราะ, บางพวกเริ่มจะฟ้อน ตรง
พระพักตร์พระศาสดา. พระศาสดาทรงรำพึงว่า " นี้อย่างไรกัน ? " ทรง
ทราบเหตุนั้นแล้ว ทรงดำริแล้วว่า " บัดนี้ เราจักไม่ให้เทวดาผู้นับเนื่องใน
หมู่มารได้ช่อง. เพราะเมื่อเราบำเพ็ญบารมีตลอดกาลเท่านี้ ก็หาได้บำเพ็ญ
เพื่อมุ่งจะให้พวกเทวดาผู้นับเนื่องในหมู่มารได้ช่องไม่ " เพื่อจะให้หญิง
เหล่านั้นสังเวช จึงทรงเปล่งรัศมีจากพระโลมาระหว่างพระโขนง1 ทันใด
นั้นเอง ความมืดมนอนธการได้มีแล้ว. หญิงเหล่านั้นได้หวาดหวั่น อัน
มรณภัยคุกคามแล้ว ด้วยเหตุนั้น สุราในท้องของหญิงเหล่านั้นจึงสร่างคลาย
ไป. พระศาสดาทรงหายไป ณ บัลลังก์ที่ประทับนั่ง ประทับยืนอยู่บน
ยอดเขาสิเนรุ ทรงเปล่งพระรัศมีจากพระอุณาโลม. ขณะนั้น แสงสว่าง
ได้มีเหมือนพระจันทร์ขึ้นตั้งพันดวง. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสเรียกหญิง
1. ภมุกโลมโตติ. ภมุกนฺตเร โลมโต.
เหล่านั้นมาแล้ว ตรัสว่า " พวกเธอ เมื่อมาสำนักของเรา ประมาทแล้ว
หาควรไม่, เพราะความประมาทของพวกเธอนั่นเอง เทวดาซึ่งนับเนื่อง
ในหมู่มารจึงได้ช่อง ให้พวกเธอทำกายวิการมีหัวเราะเป็นต้น ในที่ซึ่งไม่
ควรทำกายวิหารมีหัวเราะเป็นต้น, บัดนี้ พวกเธอทำความอุตสาหะ เพื่อ
มุ่งให้ไฟราคะเป็นต้นดับไปจึงควร " ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า
1. โก นุ หาโส กิมานนฺโท นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ
อนฺธกาเรน โอนทฺธา ปทีปํ น คเวสถ.
" เมื่อโลกสันนิวาส อันไฟลุกโพลงอยู่เป็นนิตย์,
พวกเธอยังจะร่าเริง บันเทิงอะไรกันหนอ ? เธอ
ทั้งหลายย่อมความมืดปกคลุมแล้ว ทำไมจึงไม่แสวงหา
ประทีปเล่า ? "
แก้อรรถ
ความยินดี ชื่อว่า อานนฺโท ในพระคาถานั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสเป็นคำอธิบายไว้ดังนี้ว่า " เมื่อโลกสันนิวาสนี้ อันไฟ 11 อย่าง มี
ราคะเป็นต้นลุกโพลงแล้วเป็นนิตย์. เธอทั้งหลายจะมัวร่าเริงหรือเพลิด-
เพลินอะไรกันหนอ ? นั่นไม่สมควรทำเลย มิใช่หรือ ? ก็เธอทั้งหลาย
อันความมืดคืออวิชชาซึ่งมีวัตถุ 8 ปกคลุมไว้ เหตุไรจึงไม่แสวงหา คือ
ไม่ทำประทีปคือญาณ เพื่อประโยชน์แก่การกำจัดความมืดนั้นเสีย ? "
ผู้รับคำเตือนย่อมได้ผล
ในเวลาจบพระธรรมเทศนา หญิง 500 ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล
แล้ว. พระศาสดาทรงทราบความที่หญิงเหล่านั้นเป็นผู้ตั้งมั่นอยู่ในอจล-
ศรัทธาแล้ว เสด็จลงจากยอดเขาสิเนรุ ประทับนั่งบนพุทธอาสน์.
นางวิสาขาชี้โทษของสุราโดยบุคลาธิษฐาน
ลำดับนั้น นางวิสาขาได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า " พระเจ้าข้า ขึ้น
ชื่อว่าสุรานี้, เลวทราม, เพราะว่าหญิงเหล่านี้ ชื่อเห็นปานนี้ นั่งตรงพระ-
พักตร์พระพุทธเจ้าเช่นพระองค์ ยังไม่สามารถจะยังแม้เพียงอิริยาบถให้เรียบ
ร้อยได้ เริ่มจะลุกขึ้นปรบมือ ทำการหัวเราะ ขับ และฟ้อนเป็นต้นแล้ว. "
พระศาสดาตรัสว่า " นั่นแหละวิสาขา ขึ้นชื่อว่าสุรานี้ เลวทรามแท้, เพราะ
ประชาชนอาศัยสุรานี้ ถึงความพินาศแล้วตั้งหลายร้อย." เมื่อนางวิสาขา
กราบทูลว่า " ก็สุรานี้เกิดขึ้นเมื่อไร ? พระเจ้าข้า, " เพื่อจะตรัสอุปัตติเหตุ
แห่งสุรานั้น (แก่นางวิสาขา) โดยพิสดาร จึงทรงนำอดีตนิทานมาแล้ว
ตรัสกุมภชาดก1 ดังนี้แล.
เรื่องหญิงสหายของนางวิสาขา จบ.
1. ขุ. ชา. ตึส. 27/477. อรรถกถา. 7/191.