เมนู

9. ธรรมที่เป็นเจตสิก และธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก อาศัย
ธรรมที่เป็นเจตสิก และธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เกิดขึ้น เพราะ
อารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ 2 และจักขุวิญญาณ อาศัยขันธ์ 1 ที่สหรคตด้วยจักขุ-
วิญญาณ และจักขายตนะ ฯลฯ อาศัยขันธ์ 2.
ขันธ์ 2 และจิต อาศัยขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิก และหทยวัตถุ ฯลฯ
อาศัยขันธ์ 2.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ มี 1 วาระ.
ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม


[90] ในเหตุปัจจัย มี 9 วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี 9 วาระ ใน
อธิปติปัจจัย มี 9 วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี 9 วาระ ฯลฯ ในปุเรชาตปัจจัย
มี 9 วาระ ในอาเสวนปัจจัย มี 9 วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี 9 วาระ.

ปัจจนียนัย


1. นเหตุปัจจัย


[91] 1. ธรรมที่เป็นเจตสิก อาศัยธรรมที่เป็นเจตสิก เกิด
ขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

คือ เจตสิกที่เป็นอเหตุกะ ฯลฯ มี 9 วาระ แม้ปัญจวิญญาณ พึง
กระทำเหมือนอารัมมณปัจจัย โมหะ มีใน 3 วาระเท่านั้น วาระทั้งปวง ผู้มี
ปัญญาพึงกระทำโดยปวัตติ และปฏิสนธิ.

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ


[92] ในนเหตุปัจจัย มี 9 วาระ ในนอารัมมณปัจจัย มี 3 วาระ
ในนอธิปติปัจจัย มี 9 วาระ ในนอนันตรปัจจัย มี 3 วาระ ในนสมนันตร-
ปัจจัย มี 3 วาระ ในนอัญญมัญญปัจจัย มี 3 วาระ ในนอุปนิสสยปัจจัย มี
3 วาระ ในนปุเรชาตปัจจัย มี 9 วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี 9 วาระ
ในนอาเสวนปัจจัย มี 9 วาระ ในนกัมมปัจจัย มี 4 วาระ ในนวิปากปัจจัย
มี 9 วาระ ในนอาหารปัจจัย มี 1 วาระ ในนอินทริยปัจจัยมี 1 วาระ ใน
นฌานปัจจัย มี 9 วาระ ในนมัคคปัจจัย มี 9 วาระ ในนสัมปยุตตปัจจัย มี
3 วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย มี 6 วาระ ในโนนัตถิปัจจัย มี 3 วาระ ใน
โนวิคตปัจจัย มี 3 วาระ.

อนุโลมปัจจนียนัย


การนับจำนวนวาระในอนุโลมปัจจนียะ


[93] เพราะเหตุปัจจัย ในนอารัมมณปัจจัย มี 3 วาระ. . . ใน
นอธิปติปัจจัย มี 9 วาระ
ฯลฯ

ปัจจนียานุโลมนัย


การนับจำนวนวาระปัจจนียานุโลม


[94] เพราะนเหตุปัจจัย ในอารัมมณปัจจัย มี 9 วาระ. . . ใน
อนันตรปัจจัย มี 9 วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี 9 วาระ ในมัคคปัจจัย มี 3
วาระ ฯลฯ ในอวิคตปัจจัย มี 9 วาระ.

สังสัฏฐวาระ


อนุโลมนัย


1. เหตุปัจจัย


[95] 1. ธรรมที่เป็นเจตสิก เจือกับธรรมที่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ 2 เจือกับขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิก ฯลฯ เจือกับขันธ์ 2.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ
2. ธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เจือกับธรรมที่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ จิต เจือกับขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.
3. ธรรมที่เป็นเจตสิก และธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เจือ
กับธรรมที่เป็นเจตสิก เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ 2 และกับขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิก ฯลฯ เจือกับ
ขันธ์ 2.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.
4. ธรรมที่เป็นเจตสิก เจือกับธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก
เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย เจือกับจิต.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.
5. ธรรมที่เป็นเจตสิก เจือกับธรรมที่เป็นเจตสิก และ
ธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย

คือ ขันธ์ 2 เจือกับขันธ์ 1 ที่เป็นเจตสิก และจิต ฯลฯ เจือกับ
ขันธ์ 2.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.
ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในอนุโลม


[96] ในเหตุปัจจัย มี 5 วาระ ในอารัมมณปัจจัย มี 5 วาระ ใน
อธิปติปัจจัย มี 5 วาระ ในปัจจัยทั้งปวง มี 5 วาระ ในอวิคตปัจจัย มี 5 วาระ.

ปัจจนียนัย


การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ


[97] 1. ธรรมที่เป็นเจตสิก เจือกับธรรมที่เป็นเจตสิก
เกิดขึ้น เพราะนเหตุปัจจัย

พึงกระทำเป็น 5 วาระ อย่างนี้.
โมหะ มีใน 3 วาระ เท่านั้น ฯลฯ

การนับจำนวนวาระในปัจจนียะ


[98] ในนเหตุปัจจัย มี 5 วาระ ในนอธิปติปัจจัย มี 5 วาระ
ในนปุเรชาตปัจจัย มี 5 วาระ ในนปัจฉาชาตปัจจัย มี 5 วาระ ในนอาเสวน-
ปัจจัย มี 5 วาระ ในนกัมมปัจจัย มี 3 วาระ ในนวิปากปัจจัย มี 5 วาระ
ในนฌานปัจจัย มี 5 วาระ ในนมัคคปัจจัย มี 5 วาระ ในนวิปปยุตตปัจจัย
มี 5 วาระ.
การนับจำนวนวาระอีกสองนัยนอกนี้ก็ดี สัมปยุตตวาระก็ดี พึงกระทำ
อย่างนี้.

ปัญหาวาระ


อนุโลมนัย


1. เหตุปัจจัย


[99] 1. ธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเจตสิก
ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.
2. ธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่เจต-
สิก ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่จิต และจิตตสมุฏฐานรูป
ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.
3. ธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเจตสิก
ธรรมที่เป็นเจตสิก ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย

คือ เหตุทั้งหลายที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย,
จิต และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของเหตุปัจจัย.
ในปฏิสนธิขณะ ฯลฯ.

2. อารัมมณปัจจัย


[100] 1. ธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเจต-
สิก ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก ปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก
ย่อมเกิดขึ้น.
พึงถามถึงมูล. (วาระที่ 2)
จิต ปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก ย่อมเกิดขึ้น.
พึงถามถึงมูล. (วาระที่ 3)
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก และจิต ปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก
ย่อมเกิดขึ้น.
4. ธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่
เจตสิก ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณาผล พิจารณา
นิพพาน.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล, แก่
อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก
โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ
จักษุเป็นต้นนั้น จิต ย่อมเกิดขึ้น.
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.

บุคคลรู้ซึ่งจิตของบุคคลผู้พร้อมเพรียงด้วยจิต ซึ่งเป็นธรรมที่ไม่ใช่
เจตสิก ด้วยเจโตปริยญาณ.
อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อาภิญจัญญายตนะ ฯลฯ.
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-
ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังสญาณ,
แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
5. ธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น
เจตสิก ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน มี
คำอธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีข้างต้น.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุขันธ์ที่ไม่ใช่เจตสิก โดย
ความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ โทมนัส ย่อมเกิดขึ้น.
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ, ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.
บุคคลรู้ซึ่งขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก ด้วยเจโตปริยญาณ.
อากาสานัญจายตนะ ฯลฯ อากิญจัญญายตนะ เป็นปัจจัยแก่เนวสัญญา-
นาสัญญายตนะ.
รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่ขันธ์ทั้งหลาย ที่สหรคตด้วยจักขุวิญญาณ ฯลฯ
โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-
ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังสญาณ,
แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.

6. ธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็น
เจตสิก และธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัยจัย

คือ พระอริยะทั้งหลาย ออกจากมรรค ฯลฯ พิจารณานิพพาน มีคำ
อธิบายเหมือนกับข้อความตามบาลีข้างต้น.
บุคคลพิจารณาเห็นจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก
โดยความเป็นของไม่เที่ยง ฯลฯ ย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะปรารภ
จักษุเป็นต้นนั้น จิต และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ย่อมเกิดขึ้น.
บุคคลเห็นรูปด้วยทิพยจักษุ ฟังเสียงด้วยทิพโสตธาตุ.
รูปายตนะ เป็นปัจจัยแก่จักขุวิญญาณ และสัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย
ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่อิทธิวิธญาณ, แก่เจโต-
ปริยญาณ, แก่ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ, แก่ยถากัมมูปคญาณ, แก่อนาคตังสญาณ,
แก่อาวัชชนะ ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย.
7. ธรรมที่เป็นเจตสิก และธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก
เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเจตสิก ด้วยอำนาจของอารัมมณปัจจัย

คือ ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก ปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก
และจิต ย่อมเกิดขึ้น.
พึงถามถึงมูล. (วาระที่ 8)
จิต ปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก และจิต ย่อมเกิดขึ้น.
พึงถามถึงมูล. (วาระที่ 9)

ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก และจิต ปรารภขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก
และจิต ย่อมเกิดขึ้น.

3. อธิปติปัจจัย


[101] 1. ธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่เป็นเจตสิก
เจตสิก ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.

มี 2 อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลาย ที่เป็นเจตสิก ทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิกให้เป็น
อารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย ด้วย
อำนาจของอธิปติปัจจัย.
พึงถามถึงมูล. (วาระที่ 2)
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
จิต ทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิกให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว
ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่

อธิปติธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่จิต และจิตตสมุฏฐานรูป
ทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
พึงถามถึงมูล. (วาระที่ 3)
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
ขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิก และจิต ทำขันธ์ทั้งหลายที่เป็นเจตสิกให้
เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว ย่อมเกิดขึ้น.
ที่เป็น สหชาตาธิปติ ได้แก่
อธิปติธรรมที่เป็นเจตสิก เป็นปัจจัยแก่สัมปยุตตขันธ์ทั้งหลาย, จิต
และจิตตสมุฏฐานรูปทั้งหลาย ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย.
4. ธรรมที่ไม่ใช่เจตสิก เป็นปัจจัยแก่ธรรมที่ไม่ใช่
เจตสิก ด้วยอำนาจของอธิปติปัจจัย

มี 2 อย่าง คือที่เป็น อารัมมณาธิปติ และ สหชาตาธิปติ
ที่เป็น อารัมมณาธิปติ ได้แก่
พระอริยะทั้งหลาย ฯลฯ ทำนิพพาน ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว
พิจารณา.
นิพพาน เป็นปัจจัยแก่โคตรภู, แก่โวทาน, แก่มรรค, แก่ผล ด้วย
อำนาจของอธิปติปัจจัย.
บุคคลย่อมยินดี ย่อมเพลิดเพลินยิ่ง เพราะกระทำจักษุ ฯลฯ หทยวัตถุ
ขันธ์ทั้งหลายที่ไม่ใช่เจตสิก ให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่น ครั้นกระทำจักษุ
เป็นต้นนั้นให้เป็นอารมณ์อย่างหนักแน่นแล้ว จิต ย่อมเกิดขึ้น.