. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอรหัตผลแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว
สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อ
ไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทกคน.
. . .แต่บอกว่า โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
. . .แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ประสงค์จะบอกเข้าทุติฌาน
[336] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า
ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว . . . เมื่อเขา
เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ *
* ที่ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ไว้นี้หมายถึงว่า ประสงค์จะบอกว่า เข้าทุติยฌาน แต่บอกว่า
เข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโมหะ .
. . .แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ 1
บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของ
ข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว . . . เมื่อเขาเข้าใจ
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ ฯ ล ฯ2
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ . . . เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง
อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สัพพมูลกนัย
บทว่า บอก คือภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า
ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์
อัปปณิหิตวิโมกข์ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญตสมาบัติ
อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ วิชชา 3 สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4
อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 อริยมรรคมีองค์ 8 โสดา -
ปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตผลแล้ว ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว
คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้า
สละแล้ว . . . โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว . . . จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ และจิต
ของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ . . . เมื่อ
เขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
1. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าเข้าตติยฌาน แต่บอกว่าเข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์
เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโทสะ.
2. หมายถึงประสงค์จะบอกว่าจิตเปิดจากโมหะ แต่บอกว่าเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน
เป็นต้น ไปถึงจิตเปิดจากราคะ.