กลิ่นและรสแห่งมะม่วงนั้นให้หนีไปแล้ว ถือเอาเพื่อประโยชน์แด่พระ-
ราชา เดินไปเห็นพระศาสดาในระหว่างทาง คิดว่า " พระราชาเสวยผล
มะม่วงนี้แล้ว พึงพระราชทานกหาปณะแก่เรา 8 กหาปณะ หรือ 16
กหาปณะ, กหาปณะนั้นไม่พอเพื่อเลี้ยงชีพในอัตภาพหนึ่งของเรา; ก็ถ้า
ว่า เราจักถวายผลมะม่วงนี้แด่พระศาสดา. นั่นจักเป็นคุณนำประโยชน์
เกื้อกูลมาให้เเก่เราตลอดกาลไม่มีสิ้นสุด." เขาน้อมถวายผลมะม่วงนั้นแด่
พระศาสดา.
พระศาสดาทอดพระเนตรดูพระอานนทเถระแล้ว. ลำดับนั้นพระ-
เถระนำบาตรที่ท้าวมหาราชทั้ง 4 ถวายออกมาแล้ว วางที่พระหัตถ์ของ
พระองค์.
พระศาสดา ทรงน้อมบาตรเข้าไปรับมะม่วงแล้ว ทรงแสดงอาการ
เพื่อประทับนั่งในที่นั้นนั่นแหละ. พระเถระได้ปูจีวรถวายแล้ว. ลำดับนั้น
เมื่อพระองค์ประทับนั่งบนจีวรนั้นแล้ว พระเถระกรองน้ำดื่ม แล้วขยำ
มะม่วงสุกผลนั้น ได้ทำให้เป็นนำปานะถวาย. พระศาสดาเสวยน้ำปานะ
ผลมะม่วงแล้วตรัสกะนายคัณฑะว่า " เธอจงคุ้ยดินร่วนขึ้นแล้ว ปลูก
เมล็ดมะม่วงนี้ในที่นี้นี่แหละ. " เขาได้ทำอย่างนั้นแล้ว.
ประวัติคัณฑามพพฤกษ์
พระศาสดาทรงล้างพระหัตถ์บนเมล็ดมะม่วงนั้น. พอเมื่อพระหัตถ์
อันพระองค์ทรงล้างแล้วเท่านั้น, ต้นมะม่วงมีลำต้นเท่าศีรษะไถ (งอนไถ)
มีประมาณ 50 ศอกโดยส่วนสูงงอกขึ้นแล้ว. กิ่งใหญ่ 5 กิ่ง คือใน
4 ทิศ ๆ ละกิ่ง เบื้องบนกิ่งหนึ่ง ได้มีประมาณกิ่งละ 50 ศอกเทียว.
ต้นมะม่วงนั้นสมบูรณ์ด้วยช่อและผล ได้ทรงไว้ซึ่งพวงแห่งมะม่วงสุกในที่
แห่งหนึ่ง ในขณะนั้นนั่นเอง.
พวกภิกษุผู้มาข้างหลัง มาขบฉันผลมะม่วงสุกเหมือนกัน.
พระราชาทรงสดับว่า " ข่าวว่า ต้นมะม่วงเห็นปานนี้เกิดขึ้นแล้ว "
จึงทรงตั้งอารักขาไว้ด้วยพระดำรัสว่า " ใคร ๆ อย่าตัดต้นมะม่วงนั้น."
ก็ต้นมะม่วงนั้น ปรากฏชื่อว่า " คัณฑามพพฤกษ์ " เพราะความที่นาย
คัณฑะปลูกไว้. แม้พวกนักเลงเคี้ยวกินผลมะม่วงสุกแล้วพูดว่า " เจ้าพวก
เดียรถีย์ถ่อยเว้ย พวกเจ้ารู้ว่า 'พระสมณโคดมจักทรงทำปาฏิหาริย์ที่โคน
ต้นคัณฑามพพฤกษ์ จึงสั่งให้ถอนต้นมะม่วงเล็ก ๆ แม้ที่เกิดในวันนั้นใน
ร่วมในที่โยชน์หนึ่ง, ต้นมะม่วงนี้ ชื่อว่าคัณฑามพะ " แล้วเอาเมล็ด
มะม่วงที่เป็นเดนประหารพวกเดียรถีย์เหล่านั้น.
ท้าวสักกะทำลายพิธีของพวกเดียรถีย์
ท้าวสักกะทรงสั่งบังคับวาตวลาหกเทวบุตรว่า " ท่านจงถอนมณฑป
ของพวกเดียรถีย์เสียด้วยลม แล้วให้ลม (หอบไป) ทิ้งเสียบนแผ่นดินที่ทิ้ง
หยากเยื่อ. เทวบุตรนั้นได้ทำเหมือนอย่างนั้นแล้ว. ท้าวสักกะสั่งบังคับ
สุริยเทวบุตรว่า " ท่านจงขยายมณฑลพระอาทิตย์ ยัง (พวกเดียรถีย์) ให้
เร่าร้อน่. " แม้เทวบุตรนั้นก็ได้ทำเหมือนอย่างนั้นแล้ว. ท้าวสักกะทรงสั่ง
บังคับวาตวลาหกเทวบุตรอีกว่า " ท่านจงยังมณฑลแห่งลม (ลมหัวด้วน)
ให้ตั้งขึ้นไปเถิด. " เทวบุตรนั้นทำอยู่เหมือนอย่างนั้น โปรยเกลียวธุลีลง
ที่สรีระของพวกเดียรถีย์ที่มีเหงื่อไหล. พวกเดียรถีย์เหล่านั้นได้เป็นเช่นกับ
จอมปลวกแดง. ท้าวสักกะทรงสั่งบังคับแม้วัสสวลาหกเทวบุตรว่า " ท่าน
จงให้หยาดน้ำเมล็ดใหญ่ ๆ ตก. " เทวบุตรนั้นได้ทำเหมือนอย่างนั้นแล้ว.