พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [13. เตรสมวรรค] 9. ธัมมตัณหาอัพยากตาติกถา (134)
สก. โลภะคือธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โลภะคือสัททตัณหา ฯลฯ โลภะคือโผฏฐัพพตัณหา เป็นอัพยากฤตใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. โลภะคือรูปตัณหาเป็นอกุศลใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โลภะคือธัมมตัณหาเป็นอกุศลใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. โลภะคือสัททตัณหา ฯลฯ โลภะคือโผฏฐัพพตัณหา เป็นอกุศลใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. โลภะคือธัมมตัณหาเป็นอกุศลใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
[679] สก. ธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤตใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า ตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบ
ด้วยความเพลิดเพลินและความกำหนัด มีปกติให้เพลิดเพลินในอารมณ์นั้น ๆ คือ
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา1 มีอยู่จริงมิใช่หรือ
ปร. ใช่
สก. ดังนั้น ท่านก็ไม่ควรยอมรับว่า ธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤต
[680] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า ธัมมตัณหาเป็นอัพยากฤต ใช่ไหม
สก. ใช่
เชิงอรรถ :
1 ดูเทียบ วิ.ม. (แปล) 4/14/21, ที.ม. (แปล) 10/400/329-331
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [13. เตรสมวรรค] 10. ธัมมตัณหานทุกขสมุทโยติกถา (135)
ปร. ตัณหานั้นเป็นธัมมตัณหามิใช่หรือ
สก. ใช่
ปร. หากตัณหานั้นเป็นธัมมตัณหา ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า ธัมม-
ตัณหาเป็นอัพยากฤต
ธัมมตัณหาอัพยากตาติกถา จบ
10. ธัมมตัณหานทุกขสมุทโยติกถา (135)
ว่าด้วยธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัย
[681] สก. ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร.1 ใช่2
สก. รูปตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. ธัมมตัณหาไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. สัททตัณหา ฯลฯ คันธตัณหา ฯลฯ รสตัณหา ฯลฯ โผฏฐัพพตัณหา
ไม่เป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
สก. รูปตัณหาเป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ใช่
สก. ธัมมตัณหาเป็นทุกขสมุทัยใช่ไหม
ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
เชิงอรรถ :
1 ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายปุพพเสลิยะ (อภิ.ปญฺจ.อ. 681-685/272)
2 เพราะมีความเห็นว่า ธัมมตัณหาไม่ใช่เหตุแห่งทุกขสัจ ดังนั้นจึงไม่นับเข้าในสมุทัย ซึ่งต่างกับความ
เห็นของสกวาทีที่เห็นว่า ขึ้นชื่อว่าตัณหาแล้วจัดเป็นทุกขสมุทัย(เหตุให้เกิดทุกข์)ทั้งนั้น (อภิ.ปญฺจ.อ.
681-685/272)