พระวินัยปิฎก มหาวรรค [10. โกสัมพิกขันธกะ] 273. พาลกโลณกคมนกถา
ความมุ่งร้ายกันย่อมระงับ
เพราะการปฏิบัติของชนเหล่านั้น
พวกคนที่บั่นกระดูก ฆ่า ลักทรัพย์ คือ โคและม้า
ถึงจะช่วงชิงแว่นแคว้นกันก็ยังกลับมาคบหากันได้อีก
ไฉนพวกเธอจึงคบหากันไม่ได้เล่า
ถ้าบุคคลพึงได้สหาย ผู้มีปัญญารักษาตน
เที่ยวไปด้วยกันได้ เป็นสาธุวิหารี1 เป็นปราชญ์
ครอบงำอันตรายทั้งปวงได้แล้ว พึงมีใจแช่มชื่น มีสติ เที่ยวไปกับสหายนั้น
ถ้าบุคคลไม่พึงได้สหาย ผู้มีปัญญารักษาตน
เที่ยวไปด้วยกันได้ เป็นสาธุวิหารี เป็นนักปราชญ์ พึงประพฤติอยู่ผู้เดียว
เหมือนพระราชาทรงละทิ้งแว่นแคว้นที่ทรงชนะแล้ว
ประพฤติอยู่พระองค์เดียว
และเหมือนช้างมาตังคะทิ้งโขลงอยู่ตัวเดียวในป่า ฉะนั้น
การเที่ยวไปคนเดียวประเสริฐกว่า
เพราะคุณเครื่องความเป็นสหายไม่มีในคนพาล
บุคคลนั้นพึงเที่ยวไปคนเดียวและไม่ทำบาป
เหมือนช้างมาตังคะมีความขวนขวายน้อยอยู่ตัวเดียวในป่า ฉะนั้น
273. พาลกโลณกคมนกถา
ว่าด้วยการเสด็จไปพาลกโลณกคาม
เรื่องท่านพระภคุอยู่ ณ พาลกโลณกคาม
[465] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ท่ามกลางสงฆ์นั่นแหละ ตรัสพระ
คาถาเหล่านี้แล้วเสด็จไปทางพาลกโลณกคาม
เชิงอรรถ :
1 สาธุวิหารี หมายถึงผู้เพียบพร้อมด้วยปฐมฌาน ฯลฯ ด้วยนิโรธสมาบัติ (ขุ.จู.30/132/269)